เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 14 ก.ย. ขณะที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ปฏิบัติหน้าที่ พบชายอายุประมาณ 20-30 ปี ขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ฮอนด้า CB 1000 สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อยู่บริเวณวงเวียนบางเขน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน ลักษณะส่ายไปมาท่าทางมีพิรุธและมีร่องรอยเหมือนรถล้มมา สันนิษฐานว่าอาจเมาแล้วขับขี่รถจยย.ประสบอุบัติเหตุ จึงเรียกให้หยุดเพื่อช่วยดูอาการบาดเจ็บ แต่กลับเร่งเครื่องจะหลบหนีจึงขับรถตามไปตรวจสอบก่อนตัดหน้าจอดขวางไว้ได้ สอบถามพูดจาวกไปวนมาไม่รู้เรื่องคล้ายคนเมาสุรา จึงพามานั่งพักที่ สน.บางเขน ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุเพื่อให้สร่างเมาป้องกันอุบัติเหตุหากปล่อยให้ขี่จยย.กลับไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโทรศัพท์ชายคนดังกล่าวเพื่อติดต่อญาติให้มารับตัว ปรากฏว่ามีข้อความแชตเด้งขึ้นมาทำนองมีผู้เสียหายส่งข้อความมาขอให้คืนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว จึงทราบว่าเป็นรถถูกขโมยมา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวชายคนดังกล่าว พร้อมประสานเจ้าของรถว่าตอนนี้รถจอดอยู่ที่ สน.บางเขน ต่อมา นายต้นกล้า มากมาย อายุ 24 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ เดินทางมาตรวจสอบพร้อมยืนยันว่าเป็นเจ้าของรถ ให้การเบื้องต้นว่า ได้โพสต์ขายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์คันดังกล่าวไว้ในเฟซบุ๊ก ราคาประมาณ 130,000 บาท ต่อมาคนร้ายทักมาติดต่อขอซื้อโดยนัดซื้อขายกันเวลา 19.40 น. วันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมาที่

นายต้นกล้า เล่าอีกว่า ได้นัดให้มาเจอกันที่หน้าบ้านตน ย่านหนามแดง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มาถึงก็ดูรถ ยื่นเอกสารซื้อขายกันตามปกติ ก่อนจะขอลองซึ่งตนก็ให้ลองเพราะเห็นว่าเป็นซอยตัน แต่พอลองเสร็จขี่ออกมาหันรถไปทางปากซอย ก็ขอออกไปลองในถนนใหญ่ ตนก็โอเคบอกว่างั้นไปด้วยกัน แต่จังหวะที่หันไปหยิบกระเป๋า คนร้ายก็สตาร์ตรถเร่งเครื่องหนีไปทันที หลังเกิดเหตุจึงนำหลักฐานไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางแก้ว พร้อมออกตามหารถด้วยตลอด อีกทั้งให้แฟนกับเพื่อนช่วยตามส่องในเฟซบุ๊ก จนทราบเบาะแสคนร้ายอยู่แถวย่านประชานิเวศน์ 3 กระทั่งได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่จึงรีบเดินทางมาตรวจสอบ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ตรวจสอบทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายจิรายุทธ (สงวนนามสกุล) ​อายุ 24 ปี เคยทำงานเกี่ยวกับติดตามหนี้บัตรเครดิต ปัจจุบันไม่ได้ทำงานอะไร สันนิษฐานว่าหลังก่อเหตุได้ขี่รถไปอวดเพื่อนๆแล้วดื่มเหล้าสังสรรค์กันจนเมา ก่อนมาขี่ส่ายไปมาเกิดอุบัติเหตุจนถูกจับได้ดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงทำบันทึกจับกุมก่อนประสานตำรวจ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุมารับตัวไปดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป