เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ระบายความรู้สึกไม่พอใจ และไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากให้เป็นกรณีศึกษา หลังหลานชายวัย 5 ขวบ ได้รับอันตรายที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ แล้ว ผู้อำนวยการ และครู ควรดำเนินการอย่างไร จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบ น.ส.ฟ้า (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ชาว อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พาน้องจอม (นามสมมุติ) วัย 5 ขวบ นักเรียนชั้น อนุบาล 3 โรงเรียนดังกล่าว สภาพแขนซ้ายหักเข้าเฝือกเกือบทั้งแขน

พร้อมเปิดเผยว่า เลี้ยงน้องจอมมาตั้งแต่อายุ 3 เดือน เพราะพ่อแม่น้องต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนตนเป็นอา รับราชการ จึงอาสาเลี้ยงให้เพราะสงสาร ทุกเช้าเย็นคนในครอบครัว จะผลัดกันไปส่งที่โรงเรียน พอโตก็เดินไปเองบ้างเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้ กระทั่งเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตอนเย็นพี่ชายไปรับหลานที่โรงเรียนแล้วรีบวิ่งมาบอกว่าหลานแขนหัก จึงรีบกลับมาดู

น.ส.ฟ้า กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าตกใจมากเมื่อเห็นสภาพหลาน เพราะน้องร้องไห้ตัวสั่นแขนซ้ายหักผิดรูป เมื่อสอบถามหลานบอกว่า แขนหักตั้งแต่ตอนเที่ยง จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลนางรอง เพราะรู้ว่าโรงพยาบาลหนองกี่ ไม่มีหมอกระดูก ซึ่งกว่าหมอจะช่วยเหลือได้ก็ปาเข้าไป 22.00 น. วันเดียวกัน วันต่อมาได้ไปถาม ผอ.โรงเรียนว่าเกิดอะไรขึ้น ได้รับคำตอบจากครูประจำชั้นแบบฟังแล้วน้ำตาแทบไหล ว่า “เห็นตั้งแต่ตอนเที่ยง แต่เด็กไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้ขอความช่วยเหลือ” จึงเดินทางกลับแต่วันต่อมา ทั้ง ผอ.และครูประจำชั้น นำกระเช้ามาขอโทษที่บ้าน บอกว่าทางโรงเรียนจะเยียวยาที่ปล่อยปละละเลยเด็ก กระทั่ง ผอ.เป็นคนสรุปเองว่า จะขอจ่ายเงินเยียวยาให้เป็นเงิน 55,000 บาท จึงโทรศัพท์ไปบอกพ่อแม่เด็ก นัดจ่ายเงินในวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา

น.ส.ฟ้า กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับพ่อแม่เด็ก ส่วนหนึ่งครอบครัวก็รู้สึกเห็นใจโรงเรียนที่ออกมายอมรับผิด จึงตกลงกันว่าจะมอบเงิน 20,000 บาท คืนให้โรงเรียนไปไว้ซื้อกล้องวงจรปิดเพื่อใช้สอดส่องดูแลเด็กๆ แต่พอถึงวันนัด 20 มิ.ย. โดยนัดกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ทางครอบครัวเตรียมเงิน 20,000 บาท ใส่ซองไว้เตรียมมอบคืนส่วนต่างให้ ผอ.เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อไปถึงที่นัดหมาย ผอ.และคณะกรรมการสถานศึกษา พร้อมครูประจำชั้น มากันพร้อมหน้า แล้วสุดท้าย ผอ.เป็นคนเอ่ยปากเองว่า “ไม่มีเงินแม้บาทเดียว ถ้าอยากได้ก็ต้องไปฟ้องเอา” ทำให้รู้สึกผิดหวังของการบริหารโรงเรียนเป็นอย่างมาก

น.ส.ฟ้า กล่าวว่า สิ่งที่ยังคาใจไม่หายคือ เด็กแขนหักขนาดนั้น ทำไมครูไม่รู้ไม่เห็น แต่ทำไมเพื่อนหลานรู้กันทั้งห้อง แล้วสภาพของหลานคือแขนหัก ตาเปล่าเห็นชัดเจน อีกทั้งยังไม่พาเด็กไปหาหมอ ไม่แจ้งผู้ปกครองทราบ ปล่อยเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงจนหมอที่โรงพยาบาลทักตอนไปรักษาว่า “ทำไมปล่อยไว้นานขนาดนี้เพราะอันตราย แขนอาจจะได้รับผลกระทบหลังรักษาหายแล้ว” ตอนนี้ครอบครัวได้ร้องไปศูนย์ดำรงธรรม และแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองกี่ ไว้แล้ว แต่เรื่องยังเงียบอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนตัวอยากจะให้เป็นกรณีศึกษา ว่าครูผู้สอนควรจะใส่ใจกับเด็กนักเรียนอย่างไร ผู้บริหารควรจะมีมาตรการอย่างไร สำหรับครูที่ไม่สนใจนักเรียน