เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมนายวีรนันท์ ฮวดศรี ทนายความ นำหลักทรัพย์เป็นเงิน 2 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ มายื่นประกันตัว น.ส.เบนจา อะปัญ แกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ กรณีอ่านแถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และชุมนุม หน้าอาคารชิโนไทยทาวเวอร์ ถนนอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยนายธนาธร กล่าวว่า วันนี้มาเป็นนายประกันให้ น.ส.เบนจา เนื่องจากเห็นถึงความไม่ยุติธรรมและต้องการแสดงให้เห็นว่ายังมีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับความอยุติธรรมในสังคม จากกรณีที่ น.ส.เบนจา ไม่ได้สิทธิประกันตัว โดยศาลให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรงและอาจมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งในอดีตคดี 112 เคยมีการให้ประกันตัวมาแล้วหลายคดี จึงมองว่าการพิจาณาคดีมีหลายมาตรฐานเกินไป ส่วนกรณีกลัวเกิดการหลบหนี ธนาธร ระบุว่า น.ส.เบนจา เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นรุ่นน้องของตน มีผลการเรียนดี เป็นอนาคตของชาติ เป็นว่าที่นักบินอวกาศ และจะมีสอบปลายภาคในเดือนธันวาคม จึงควรได้รับสิทธิประกันตัวเพื่อเตรียมสอบและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน

นายธนาธร ยังมองว่า กรณีนี้ชี้ให้เห็นถึงยุคมืดของประเทศไทยในการใช้กฎหมายกดขี่ปราบปรามประชาชนที่เห็นต่าง วันนี้มีคดีการเมืองกว่า 800 คดี มีคนเกี่ยวข้องกว่าพันราย ทั้งคดีความผิดตามมาตรา 112, 116 เเละ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งหลายคดีถูกดำเนินไปด้วยกระบวนการที่ไม่เป็นธรรม มีการข่มขู่คุกคาม ลัดขั้นตอน ทำให้คนที่ต้องการแสดงความเห็นต่างหวาดกลัว การมาของตนในวันนี้จึงเป็นการยืนยันว่าจะยืนหยัดต่อสู้ พร้อมเรียกร้องให้คนในสังคมมีสามัญสำนึกขั้นพื้นฐานว่า ความยุติธรรมต่อใครคนใดคนหนึ่ง คือความยุติธรรมต่อทุกคน อย่าปล่อยให้รัฐที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนใช้อำนาจบาตรใหญ่ตามอำเภอใจ เพื่อลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนต่อไปได้อีก

ส่วนสาเหตุที่เลือกมาเป็นนายประกันให้ น.ส.เบนจา เพราะอยากเห็นคนที่มีชื่อเสียง มีบทบาทในสังคมออกมาเคียงข้างนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมากกว่านี้ และหวังว่าศาลจะเห็นถึงความบริสุทธิ์ใจของ น.ส.เบนจา แต่หากศาลไม่ให้ประกันก็จะใช้กระบวนการทางกฎหมายที่มีอยู่ผลักดันต่อไป ซึ่งในฐานะคนที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เหมือนกัน ตนมองว่า กฎหมายมาตรานี้กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อปิดปากผู้เห็นต่างจากรัฐบาล เพื่อที่จะไม่ให้ประชาชนพูดในเรื่องปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น ตนย้ำทุกครั้งว่าไม่ใช่การล้มล้าง แต่เพื่อให้สถาบันฯ มั่นคงสถาพรเข้ากับยุคสมัย สอดรับหลักการประชาธิปไตย ตรงนี้คือข้อเท็จจริงพื้นฐานที่สังคมควรยอมรับหาทางออกด้วยกัน จะปล่อยให้น้องเบนจาหรือคนอื่นๆ ที่เป็นอนาคตประเทศสู้ลำพัง มายืนหยัดกับเขา สิ่งที่ทำวันนี้แม้ไม่มากแต่ก็จะแสดงให้เห็นว่าเรายืนอยู่กับเขา.