ในช่วงสายแดดอ่อนๆ ของทุกวัน ชาวบ้านชุมชนบ้านเตาถ่าน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จะเห็นภาพที่ชินตา พ่อเฒ่าใส่เสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินมอซอ สวมผ้าถุงนุ่งกางเกงขาสั้นอยู่ด้านใน สวมหมวกและแว่นตาปั่นจักรยานสองล้อคู่ใจที่มีป้าย รับจ้างลับมีดสัญจร ติดอยู่ตรงตะกร้าหน้ารถ และมีร่มกับไม้ค้ำแขวนอยู่ ขณะที่ท้ายรถมีอุปกรณ์ทำมาหากินเป็นม้าไม้แท่นสำหรับวาง หินลับมีด และถังน้ำ ปั่นมาตามท้องถนนวิ่งผ่านหน้าบ้านทุกวัน
พ่อเฒ่ารายนี้เป็นที่รู้จักกันดีของคนในพื้นที่ด้วยเอกลักษณ์ประจำตัวที่ไม่เหมือนใคร หลายคนจะเรียกเขาว่า เฒ่าลับมีด หรือ เฒ่าทระนง แท้จริงแล้วเขาชื่อ
นายอ่อนศรี จันทร์เกษม อายุ 78 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาวจ.ร้อยเอ็ด ที่ลิขิตชีวิตตัวเองเดินทางออกจากบ้านเกิดดินแดนลุ่มแม่น้ำชีสู่ชายฝั่งทะเลตะวันออกเมืองชลบุรี ออกหากินไปมาหลายจังหวัดแต่เลือกที่จะมาใช้ชีวิตบั้นปลายในอ.สัตหีบ โดยมาอาศัยอยู่กับคนบ้านเดียวกันได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว
หลังจากปั่นจักรยานไปตามถนน ตามซอยหมู่บ้านตั้งแต่ช่วงสายถึงใกล้เที่ยง ตาอ่อนศรี เฒ่าทระนงเริ่มเหนื่อยล้าจึงเลี้ยวรถเข้าไปจอดพักที่ลานจอดหน้าร้านสะดวกซื้อริมถนนเหงื่อไหลท่วมร่าง ใบหน้าที่เหี่ยวย่นจากริ้วรอยของความลำเค็ญแต่ยังเปื้อนรอยยิ้มเห็นฟันที่เหลืออยู่ไม่กี่ซี่ บ่งบอกถึงความสู้ชีวิตไม่ย่อท้อแค่ขอนั่งพักให้คลายเหนื่อยเท่านั้น
ไม่นานก็มีเสียงตะโกน
"ลุงๆ ผมเอามีดมาให้ลับ" ชายที่อยู่ละแวกนั้นถือมีดมา 3-4 เล่ม วิ่งปรี่เข้ามาให้เฒ่าทระนงลับ "วันนี้รออยู่ตั้งนาน กินข้าวรึยังลุง" ผู้คนแถวนี้ต่างรู้ดีว่าถ้าจู่ๆ จะให้เงินช่วยเหลือเฒ่าทระนงคนนี้คงถูกปฏิเสธแน่ จึงเลือกที่จะใช้วิธีเอามีดไปให้แกลับเพื่อที่จะให้เงินเป็นค่าจ้างนำไปซื้อข้าวกินและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ซึ่งแกจะได้ภูมิใจที่หาเงินมาได้อย่างสุจริตจากการทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรง และเพื่อเป็นกำลังใจให้แกสู้ชีวิตต่อ บางคนเป็นลูกค้าเคยใช้บริการแต่วันนี้ไม่มีมีดให้ลับ เห็นแกมานั่งพักเหนื่อยก็ซื้อของมาฝากบ้าง หยิบยื่นเงินให้บ้างโดยอ้างว่าจ่ายล่วงหน้าก่อน วันนี้ไม่ได้เอามีดมา เฒ่าทระนงก็จำใจยอมรับโดยดี
ประวัติตาอ่อนศรี เฒ่าทระนงคนนี้จะรู้กันแต่เพียงว่าไม่เคยมีลูกมีเมียมาก่อน ญาติพี่น้องบางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว บางคนมีครอบครัวมีลูกมีหลานแต่ก็ไม่เคยคิดไปรบกวน ตัวเองเป็นคนตาฝ้าฟางมองอะไรไม่ชัดเจนและหูดับไปข้างนึงมาตั้งแต่เด็ก
ถ้าจะมีครอบครัวก็อาจจะเป็นที่พึ่งของใครไม่ได้ จึงเลือกที่จะใช้ชีวิตโดยลำพังมาตลอด ยึดหลักมีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน จะไม่ยอมแบมือขอใครเด็ดขาด
"สำหรับอาชีพลับมีดสมัยนี้แทบจะไม่มีใครเขาทำกันแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้มีที่ลับมีดสมัยใหม่ซื้อหาไม่แพงใช้กันสะดวกที่บ้าน แต่ตนเองทำมาหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้ก็แก่มากไม่หวังอะไรในชีวิต ลับมีดให้ใครเขาก็ไม่เคยเรียกเงิน สุดแล้วแต่เขาจะให้ 9 บาท 10 บาท หรือ 20 บาท ก็ขอบคุณ สาธุ..
เรื่องการกินอยู่จะว่าลำบากก็ลำบาก บางวันได้กินเช้า บางวันมันก็ได้กินตอนค่ำ หางานไม่ได้ก็ไม่มีตังค์ซื้อเขา จะไปขอใครเขากินก็อายเขา เขาก็ทำมาค้าขายหาเงิน เราหาไม่ได้ก็ต้องอดไปก่อน ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ก็หาใหม่" คำพูดจากปากเฒ่าทระนงที่จับใจใครหลายคน
หลังให้บริการลูกค้าประจำและได้นั่งพักให้คลายเหนื่อยเป็นที่เรียบร้อย ตาอ่อนศรี เฒ่าทระนงยังคงเดินทางต่อไป ปั่นจักรยานไปตามทางที่คุ้นชินไม่ว่าจะเจอแดดหรือเจอฝนก็ไม่เป็นอุปสรรค จนตะวันใกล้ลาลับขอบฟ้านั่นแหละถึงจะได้กลับบ้าน.. เป็นสัญญาณว่าจะผ่านไปอีกวันแล้ว เพื่อรอเช้าวันใหม่ที่จะเริ่มต้นอีกครั้ง
มีคนเคยถามทำไมตาเฒ่าอ่อนศรีอายุ 78 ปีแล้วยังแข็งแรงปั่นจักรยานระยะทางไกลๆ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ก็ได้รับคำตอบว่า
ตาเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เรื่องไม่ดีจะไม่ยุ่ง คิดอย่างเดียวในเมื่อยังมีชีวิตก็ต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมงอมืองอเท้ามือขอใครกินเด็ดขาด ทำอะไรที่มีความสุขและเลือกแล้วที่จะปั่นจักรยานลับมีดไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต..
คอลัมน์ :
นิยายชีวิต
โดย :
อสงไขย
เรื่องและถ่ายภาพโดย :
ณัฐภูมินทร์ ปานรักษ์ จ.ชลบุรี
ภาพประกอบ :
กุลธิดา จิตรพริ้ง