เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.อ.มณเทียร เบ้าทอง ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุมีผู้บาดเจ็บสาหัสถูกแทงบนถนนนพวงศ์-ทุ่งท่าลาด บริเวณสามแยกหน้าวัดโคกสะท้อน หมู่ 8 ต.นาเคียน อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่รถพยาบาล รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยไต้เต็กตึ้ง ที่เกิดเหตุบริเวณป้อมยามทางเข้าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) พบรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีเทาดำ จอดอยู่ ตรวจสอบภายในพบคราบเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ นางศกุลตลา ขุนหลำ อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่รปภ.ประจำป้อมดังกล่าวได้ช่วยเหลือนำตัวส่ง รพ.มหาราชฯไปก่อนหน้านี้ ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า นางศกุลตลา ถูกคนร้ายใช้เหล็กขุดชาร์ปแทงหลัง และปาดคอหลายแผล โดยมีเหล็กขูดชาร์ปปักคาอยู่กลางหลัง จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ส่วนอาการแพทย์ทำการผ่าตัดช่วยเหลือเสร็จแล้ว แต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู อาการเป็นตายเท่ากัน
จากการสอบสวนทราบว่า นางศกุลตลา เป็นภรรยานายทหารยศนายพัน พักอยู่บ้านพักข้าราชการกลาโหม มณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ หมู่ 5 ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช โดยสามีไปปฏิบัติหน้าที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก่อนเกิดเหตุหลังขับรถไปทำธุระที่ อ.ร่อนพิบูลย์ และ อ.พระหรหม จ.นครศรีธรรมราช เสร็จช่วงกลางดึก ได้ขับรถกลับมุ่งหน้ากลับบ้านพักในค่ายวชิราวุธเพียงลำพังแต่ระหว่างทางมีพยานเห็นผู้บาดเจ็บขับรถมาจอดบริเวณริมถนนเกิดเหตุ ห่างป้อมยามทางเข้าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 ประมาณ 2 กม.จากนั้นมีชายสวมชุดกีฬา ขี่รถจยย.มาจอด แล้วลงเดินมาพูดคุยกัน คาดว่าอาจตกลงกันไม่ได้ ชายดังกล่าวจึงชักเหล็กขูดชาร์ปออกมาแทง ในจังหวะ นางศกุลตลา หันหลังให้ จึงถูกแทงเข้าที่กลางหลัง แล้วพยายามดิ้นรนหนี แต่ถูกคนร้ายใช้เหล็กขูดชาร์ปส่วนที่เป็นคมปาดคอ แล้วแทงกลางหลังอีกครั้ง ขณะที่ นางศกุลตลา รวบรวมกำลังครั้งสุดท้ายเร่งเครื่องรถขับหลบหนีมาขอความช่วยเหลือที่ป้อมยามดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายกับผู้บาดเจ็บอาจมีความสนิทสนมกัน โดยขณะผู้บาดเจ็บขับรถกลับบ้านคนร้ายได้โทรศัพท์มานัดหมายให้มาพูดคุยเคลียร์ปัญหาอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับตกลงกันไม่ได้ จึงถูกคนร้ายก่อเหตุ เบื้องต้น มุ่งประเด็นไปเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวในครอบครัว และเรื่องชู้สาว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างประสานนายทหารยศนายพัน สามีผู้บาดเจ็บ และรออาการผู้บาดเจ็บดีขึ้นจนสามารถให้การได้เพื่อสอบปากคำ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป