เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางในการตรวจสอบคุณสมบัติ และเกณฑ์การคัดเลือกผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากการประชุมและพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดแนวทางในการตรวจสอบคุณสมบัติฯ ได้มีข้อสรุปว่าให้มีการระบุ 3 ประเด็นหลักๆ ลงในข้อบังคับพรรคฯ ดังนี้ 1.การเพิ่มคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคให้ครอบคลุมความผิดเกี่ยวกับเพศ 2.การเพิ่มหมวดแนวปฏิบัติว่าด้วยการต่อต้านการละเมิดและหรือคุกคามทางเพศ 3.การร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคมจัดกิจกรรมรณรงค์และสร้างความตระหนักรู้เรื่องการต่อต้านการละเมิดและหรือการคุกคามทางเพศ และการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้จะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุมใหญ่พรรค เพื่อปรับแก้ข้อบังคับพรรคต่อไป

น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า ส่วนรายละเอียดมีดังนี้ 1.เพิ่มข้อ 19 คุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค ในข้อบังคับพรรค คือ ต้องไม่ถูกคำพิพากษาถึงที่สุดในความผิดทางเพศ รวมถึงการกระทำความรุนแรงต่อบุคคลในครอบครัว เด็ก สตรี รวมทั้งการค้ามนุษย์ และการค้าประเวณี และให้เพิ่มถ้อยคำดังกล่าว ในใบสมัครสมาชิกพรรค ลักษณะต้องห้าม โดยเพิ่มเป็นข้อ 22 และ 2.เพิ่มหมวดในข้อบังคับพรรค แนวปฏิบัติว่าด้วยการต่อต้านการละเมิดและหรือคุกคามทางเพศ ซึ่งครอบคลุมความรุนแรงที่เกิดจากอคติทางเพศ ความผิดทางอาญาเกี่ยวกับเพศ ความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ ความผิดเกี่ยวกับการกระทำความรุนแรงในครอบครัว และการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ โดยให้มีแนวปฏิบัติ ได้แก่ 2.1 มีกลไกรับทราบข้อมูลและรับเรื่องร้องเรียนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดและหรือคุกคามทางเพศของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและกรรมการบริหารพรรค 2.2 มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีมีการละเมิดหรือการคุกคามทางเพศ ตามแนวทางของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้ การตรวจสอบต้องได้รับการยินยอมจากผู้เสียหาย ดำเนินการเป็นความลับ และเคารพข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา 2.3 ถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ให้ดำเนินการตามข้อบังคับพรรค

น.ส.รัชดา กล่าวว่า 3.พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่ปกป้องหรือช่วยเหลือคนผิดหรือผู้ถูกกล่าวหาว่าทำความผิด และพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม 4.ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายและด้านสังคมอื่นๆ แก่ผู้เสียหาย 5.จัดการอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรของพรรคในเรื่องการต่อต้านการละเมิดและหรือการคุกคามทางเพศ และ 6.ร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคมในการจัดกิจกรรมรณรงค์การต่อต้านการละเมิดและหรือการคุกคามทางเพศ และการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ทั้งนี้ เราหวังว่าข้อเสนอแนะดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับพรรคอื่นด้วย โดยพรรคการเมืองต้องช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการใช้ตำแหน่งทางการเมืองเพื่อแสวงประโยชน์ทางเพศ