เมื่อวันที่ 28 ก.ค. เครือข่ายเด็กเท่ากันนำ ออกแถลงการณ์ ถึงประธานคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ทำตามมติคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) จัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กอายุ 0-6 ปีแบบถ้วนหน้าในปีงบประมาณ 2565 โดยนางสุนี ไชยรส ผู้แทนคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กสู่ถ้วนหน้า 301 องค์กร อ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่งว่า ในสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ที่รุนแรงมาก มีผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมเกิดคนจนใหม่และมีคนว่างงานเพิ่มอย่างรวดเร็ว ครอบครัวที่มีเด็กเล็กอายุ 0-6 ปี ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจในสัดส่วนที่สูงกว่าครอบครัวที่ไม่มีเด็กเล็ก เช่น รายได้ลดลงมากกว่า 81% และมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 50% เป็นหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น เด็กเล็กเข้าถึงสวัสดิการสังคมและสาธารณสุขยากยิ่งขึ้น การที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปิดตามมาตรการรัฐ ส่งผลให้มีเด็กเล็กที่ขาดสารอาหารและทุพโภชนาการเพิ่มสูงขึ้น มีปัญหาพัฒนาการทาง ร่างกาย สมองและการเรียนรู้ถดถอย มีความเสี่ยงต่อความรุนแรง และขณะนี้มีเด็กเล็กและครอบครัวที่มีเด็กเล็กได้รับเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาล ต้องเร่งรีบจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็ก อายุ 0-6 ปีแบบถ้วนหน้า ให้ทันในปีงบประมาณ 2565 ตามมติ กดยช. ในการที่จะสร้างระบบการคุ้มครองทาง สังคมเป็นพื้นฐานให้แก่เด็กเล็ก ซึ่งให้ผลตอบแทนกลับคืนมาในอนาคตได้มากถึง 7-10 เท่า

โดยคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กสู่ถ้วนหน้า ในนามเครือข่ายเด็กเท่ากัน ขอเรียกร้องเชิงนโยบายและมาตรการ คือ 1.นายกรัฐมนตรี และรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการเรื่องการจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กอายุ 0-6 ปีแบบถ้วนหน้า เดือนละ 600 บาทต่อคน ให้เป็นไปตามมติ กดยช.โดยเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2565 นี้ 2.จัดมาตรการเชิงรุกสำหรับครอบครัว และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลเด็กเล็ก ให้ได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว รวมทั้งกระจายอุปกรณ์ป้องกันสำหรับเด็ก ในสถานุการณ์ขณะนี้ เด็กเล็ก และคนในครอบครัวป่วยจากโควิด-19 มากขึ้น ต้องมีมาตรการคุ้มครองดูแลเด็กเล็กเป็นพิเศษ และ3.จัดมาตรการลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตเด็กเล็ก จากที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก/สถานดูแลเด็กเล็กถูกปิด เรื่องการดูแลด้านอาหาร ส่งเสริมโภชนาการให้เข้าถึงแก่เด็กเล็กอย่างเต็มที่ และการส่งเสริมพัฒนาการให้แก่เด็กเล็กระหว่างรอศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ เปิดบริการ

ด้านนางนัยนา หวายคำ มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้ผู้ปกครองมีรายได้ลดลง รายได้ไม่แน่นอน บางคนเสี่ยงถูกเลิกจ้าง ทำให้กังวลว่าการดูแลเด็กเล็กจะได้รับผลกระทบ คิดว่าเงินอุดหนุนเด็ก 600 บาท จะเป็นการดูแลเด็กได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเสนอเงินอุดหนุนเด็กแบบถ้วนหน้า จะทำให้เด็กทุกคนได้รับเงินอุดหนุนดังกล่าว ไม่ใช่การเลือกให้เด็กบางคนแต่เด็กบางคนไม่ได้

นางศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ กล่าวว่า สถานการณ์โควิดทำให้มีเด็กติดโควิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นวิกฤติของเด็ก และจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รายได้ของพ่อแม่ล่มสลายถูกเลิกจ้าง ไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ หากได้เงินอุดหนุน 600 บาท จะสามารถช่วยได้ นอกจากนั้นการที่พ่อแม้เครียดกังวลทำให้อาจเป็นปัญหาในการดูแลเด็กได้ ทั้งนี้เงินอุดหนุนเด็กถ้วนหน้า 600 บาท จะเข้ามาทดแทนช่วยให้ครอบครัวพอมีเงินที่จะดูแลเด็กต่อไปได้ จึงอยากให้รัฐบาลคำนึงถึงสวัสดิการของเด็กในสภาวะวิกฤติสงครามเชื้อโรคนี้ด้วย เพราะเด็ก 0-6 ปีถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่เราต้องดูแล เพราะวิกฤติของเด็กในวันนี้จะเป็นปัญหาของประเทศในอนาคต ดังนั้นการอุดหนุนเด็กกลุ่มนี้แบบถ้วนหน้าจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มที่สุด.