เมื่อวันที่ 2 พ.ค. นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้ากลุ่ม 16 กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 16 และพรรคเล็กช่วงนี้ เพื่อต้องการต่อรองราคาล้มรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ยืนยันว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว เพราะการยกมือโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นทุกอย่างอยู่ที่ข้อมูล ซึ่งกลุ่ม 16 พร้อมตอบรับคำเชิญของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คาดว่าจะนัดหมายกันได้ภายในช่วงสัปดาห์นี้ก่อนเปิดสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ถือเป็นมิติใหม่ของนักการเมืองที่ต้องการเรียกความศรัทธาและความเชื่อมั่นให้กลับมาสู่รัฐสภา ถ้าฝ่ายค้านมีข้อมูล และทำหน้าที่เข้มแข็งในการตรวจสอบรัฐบาลทุกเม็ดก็เท่ากับว่าเป็นการช่วยเหลือประเทศชาติ ตนในฐานะ ส.ส. แม้จะอยู่ฝั่งรัฐบาล แต่เพื่อประโยชน์ของประเทศก็พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฝ่ายค้าน ซึ่งผลการลงมติโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นการชี้วัดข้อมูล ถือเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อประเทศ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ เพื่อให้รัฐบาลไม่กล้าทำอะไรที่เป็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว ต้องทำเพื่อประเทศ

นายพิเชษฐ กล่าวว่า ในเรื่องนี้เราต้องระมัดระวังให้มาก โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ที่เปรียบเสมือนเป็นกระเป๋าตังค์ประเทศต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการอนุมัติโครงการต่างๆ เช่น บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์วอเตอร์ แพ้ประมูลบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง โดยบริษัทที่ชนะการประมูลไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และไม่มีพื้นฐานประสบการณ์ อีกทั้งคณะกรรมการที่เข้าร่วมประชุมในวันนั้นก็ไม่ครบจำนวน เพราะมันมีความไม่ชอบมาพากล เขาจึงไม่อยากร่วมรับผิดชอบด้วยในภายหลัง นี่คือการส่งสัญญาณว่าทำไม่ถูกต้อง และนายกรัฐมนตรีควรเรียกมาทบทวนโครงการดังกล่าว

“ตรงนี้ถือเป็นมิติใหม่ของผู้แทนประชาชนที่ต้องการเรียกความเชื่อมั่นกลับสู่รัฐสภา ในการทำหน้าที่ดูแลงบประมาณประเทศ จะทำลวกๆไม่ได้ เราจึงเห็นด้วยกับการไปพบฝ่ายค้าน”

เมื่อถามถึงกรณีที่พุ่งเป้าไปที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะให้เกิดปัญหาหรือไม่ เพราะตัวนายพิเชษฐ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายพิเชษฐ กล่าวว่า ผู้แทนต้องสังกัดพรรคการเมือง หากขับตนออกจากพรรคพลังประชารัฐ เขาก็อยู่ไม่ได้เอง ตนไม่สนใจเรื่องตัวบุคคล เพราะสนใจประเทศ และประโยชน์ประชาชนมากกว่า ตนไม่เลือกข้างถ้าเขาทำไม่ถูกต้อง หากขับตนออกก็ไปหาพรรคใหม่ได้ ไม่เสียหายอะไร ถ้าข้อมูลฝ่ายค้านตรงกับตนก็พร้อมยกมือโหวตไม่ไว้วางใจ