เมื่อเวลา 18.35 น.วันที่ 2 พ.ค. ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และนายคิชิดะ ฟูมิโอะ (H.E. Mr. KISHIDA Fumio) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงข่าวร่วมกันในโอ
กาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบปะหารือกันในโอกาสครบรอบ 135 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูต และในฐานะที่ไทยดำรงตำแหน่งเลขาธิการความสัมพันธ์ไทยญี่ปุ่น และเป็นการโอกาสที่ไทยจะเป็นประธานเอเปคในเดือน พ.ย. โดยประเด็นการหารือร่วมกันประกอบด้วย 6 เรื่องสำคัญดังนี้

1.ด้านการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในโอกาสครบรอบ 135 ปี ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นประโยชน์ที่จะหารือ ยกระดับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน เพื่อแสดงถึงความแน่นแฟ้นและความเจริญก้าวหน้าถึงความสัมพันธ์

2.ด้านการเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในอนาคตไทยและญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ร่วมด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในระยะ 5 ปี ซึ่งมีแผนที่จะประกาศใช้ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับไทยญี่ปุ่นครั้งที่ 6 ซึ่งญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพในช่วงครึ่งปีหลังนี้

3.ด้านการเสริมสร้างและฟื้นฟู หลังสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 นายกรัฐมนตรีไทยขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ได้ให้การช่วยเหลือ และสนับสนุนการแก้ไขปัญหา โควิด-19 ทั้งการมอบวัคซีนอัตราเซเนกา เครื่องผลิตออกซิเจนและอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บวัคซีน รวมทั้งการประกาศเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งมีการลงนามแลกเปลี่ยนโดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

4.ด้านความมั่นคงและความยุติธรรม ได้มีการลงนามมอบโอนยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างด้านการป้องกันประเทศด้วย

5.ด้านการเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาภูมิภาคและอนุภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายยินดีกับความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาระหว่างกัน โดยเฉพาะการดำเนินงานในประเทศที่ 3 อย่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

6.ด้านการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศนั้น ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อสถานการณ์ในยูเครน -รัสเซีย โดยไทยและญี่ปุ่นเน้นย้ำกฎหมายระหว่างประเทศ และบทบาทของสหประชาชาติและมีความกังวลต่อความตึงเครียดในสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งไทยเสนอได้สนับสนุนแนวทางกระบวนการสันติภาพ โดยคำนึงถึงมนุษยธรรม และแนวทางการเยียวยาผู้เดือดร้อนจากสงคราม

ขณะที่ นายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรัฐบาลไทย และยินดีที่ได้มาเยือนไทยในโอกาสครบรอบ 135 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นพร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นการร่วมมือไปสู่ความหลากหลายในด้านฐานการผลิต ,การพัฒนาเทคโนโลยี 5g และความร่วมมือระหว่างบริษัทญี่ปุ่นและไทยเพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคม โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ขณะที่การรับมือกับสถานการณ์ โควิด-19 รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับรัฐบาลไทยจำนวน 5 หมื่นล้านเยน ( 13,235 ล้านบาท) ในลักษณะเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในโครงการตรวจเชื้อไวรัสบริเวณด่านพรมแดน

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวชื่นชมประเทศไทยในการตัดสินใจสนับสนุนข้อมติของสหประชาชาติเรื่องความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย และเห็นพ้องกับนายกรัฐมนตรีไทย ที่ไม่สามารถยอมรับการละเมิดอธิปไตย โดยการใช้กำลังเพียงฝ่ายเดียว

จากนั้นในช่วงค่ำ รัฐบาลได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และคณะ ที่ตึกสันติไมตรี หลังนอก ก่อนจะเดินทางกลับในช่วงเวลาประมาณ 23.10 น.