เมื่อวันที่ 3 พ.ค. นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่าสถานการณ์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีน่าเป็นห่วงมาก ปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการรายย่อยตามห้างสรรพสินค้า ร้านริมถนน ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายอาหาร ที่ตั้งในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว ปิดตัวเป็นจำนวนมากเพราะไม่มีลูกค้า ไร้นักท่องเที่ยว หากเปิดต่อไม่รู้ว่าจะนำเงินทุนมาจากไหน เพราะเข้าไม่ถึงเงินกู้ของรัฐ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงพื้นที่เดินดูที่ร้านค้าส่งย่านประตูน้ำ โดยเฉพาะที่ห้างแพลตินัม-พันธ์ทิพย์ประตูน้ำ เดิมเป็นทำเลทองมีผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก แต่ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าผู้ประกอบการปิดกิจการไม่ต่างจากห้างร้าง เพราะลูกค้าหดหาย ผู้ประกอบการสู้ค่าเช่าไม่ไหวปิดตัว ส่งผลให้ย่านการค้าประตูน้ำซบเซา

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า อยากถามว่าเงินกู้ 1.5 ล้านล้าน หายไปไหน ใช้ไปกับโครงการอะไร เกิดมูลค่าเพิ่มหรือไม่ กลายเป็นว่ารัฐบาลใช้เงินกู้ เพื่อประคองเศรษฐกิจและประคองสถานะรัฐบาล สร้างภาพลวงตา ใช้โครงการแจกเงินให้ ประชาชนเพื่อสร้างภาพและหาเสียง ทางการเมืองมากกว่าจริงใจช่วยประชาชน ดังนั้นเงินกู้ 1.5 ล้านล้านหมดไปโดยไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่าตัวเองไม่ทุจริตแต่การเพิกเฉยต่อตรวจสอบทุจริตที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการจัดซื้ออาวุธให้เหล่าทัพ ทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง มูลค่า 2,000 ล้าน และการจัดซื้อวัคซีนโควิด ที่สำคัญคือการนำเงินกู้ไปจัดซื้อเครื่องตรวจหาเชื้อโควิดมาให้ประชาชน แต่พรรคการเมืองบางพรรคนำไปแจกชาวบ้านเพื่อหาเสียงแทน

“ปัญหาเหล่านี้คือการทุจริต แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตรวจสอบทุจริต ไม่ต่างจากการทุจริตเสียงเอง เพราะปล่อยให้พรรคร่วมทุจริตโดยตัวเองไม่กล้าสอบกลัวเสียอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ กลัวพรรคร่วมถอนตัว ทำให้ตกจากอำนาจหรืออย่างไร จึงปล่อยให้ทุจริตมหาศาลในรัฐบาลนี้” นายพิเชษฐ์ กล่าว