เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ยังคงเป็นรูปแบบการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยในช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีพูดถึงแนวทางการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ตามแนวทางภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ยืนยันเดินหน้าเปิดประเทศดำเนินการทางเศรษฐกิจและสุขภาพ 

“การเดินไปข้างหน้าจะต้องรับความเสี่ยงบ้างก็จะต้องเดินหน้า ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจจะพัง ขอให้รัฐมนตรีทุกคนช่วยกันลงพื้นที่ไปช่วยดู ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) จะต้องดูสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเทคนิคดิจิทัลที่จะต้องใช้ติดตามตัวนักท่องเที่ยว เศรษฐกิจการท่องเที่ยว ประสบปัญหาหนัก ไม่ไหวแล้ว ยังไงก็ต้องเปิด” นายกฯ กล่าว

นอกจากนี้ ช่วงวาระสภาผู้แทนราษฎร นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ รายงานถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23-24 มิ.ย. โดยเฉพาะประเด็นการทำประชามติก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าไม่ต้องทำประชามติ เนื่องจากไม่ได้เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่เป็นการแก้ไขบางมาตรา ซึ่งขึ้นอยู่กับบางมาตรา หากจะแก้ไขจะต้องทำประชามติ แต่บางมาตราไม่ต้องทำประชามติ สภาฯ สามารถแก้เองได้ โดยไม่ต้องทำประชามติ ซึ่งขณะนี้มีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว 13 ฉบับ ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวว่า ยินดีหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องอยู่ในประเด็นที่สมเหตุสมผล ไม่ได้มีปัญหาอะไร หากจะแก้และขอความร่วมมือสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล ให้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงด้วยขณะที่กระทรวงการคลังรายงานเรื่องกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า จะมีการออกพระราชบัญญัติเพื่อแก้ปัญหาเรื่องหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยในขณะนี้กำลังดำเนินการ และนำร่างกฎหมายดังกล่าวที่สภาผู้แทนราษฎรได้ทำไว้นำมาพิจารณาร่วมกัน โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะไม่มีการกำหนดให้มีผู้ค้ำประกัน และขยายเวลาบังคับหนี้ 10 ปี จากนั้นจะนำมาเสนอ ครม.ต่อไป