เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจทันสมัย กล่าวว่าจากการที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5% ซี่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 13 ปี ขณะที่ตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของไทยเฉลี่ยไม่ถึง 1% เมื่ออัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงมากกว่าปกติ 5-6 เท่า ราคาสินค้าจึงสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวเรื่องนี้เป็นกลไกธรรมชาติ ถึงแม้ทางด้านของกระทรวงพาณิชย์จะพยายามควบคุมไม่ให้เกิดกรณีฉวยโอกาสขึ้นราคาเกินไป รวมทั้งขอความร่วมมือเอกชน ที่พอจะมีกำลังในการที่จะไม่ขึ้นราคาหรือลดราคา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งเข้มงวดกวดขันปราบปรามคนที่กักตุนสินค้า แต่ทั้งหมดเป็นเพียงมาตรการลดผลกระทบ แต่ไม่สามารถไปทำให้ไม่ขึ้นราคาสินค้าได้ เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติในเรื่องกลไกตลาด

นายอิสระ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำเร่งด่วน คือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งพอจะทำให้บรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าไปได้บ้าง แต่ไม่ควรขึ้นเเบบก้าวกระโดดเท่ากันทั้งประเทศในคราวเดียว จำนวน 492 บาท ตามที่มีการเรียกร้อง เพรานายจ้างจะอยู่ไม่ได้ เกิดการปิดกิจการ ปลดคนงานออก เกิดวิกฤติซ้อนวิกฤติ ดังนั้น การขึ้นค่าเเรงขั้นต่ำในอัตราที่เหมาะสม ไปรอดกันต่อได้ทั้งฟากนายจ้างเเละลูกจ้าง ควรขึ้นอยู่ที่ประมาณ 350 บาทต่อวันก่อน จากที่เเต่เดิม อัตราค่าเเรงขั้นต่ำเเต่ละจังหวัดอยู่ที่ 313-336 บาท ต่อวัน ซึ่งเป็นการคำนวณขึ้นค่าเเรงขั้นต่ำ ให้ล้อตามไปกับอัตราเงินเฟ้อที่ 5-8% จากนั้นประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อพิจารณาการปรับแบบขั้นบันได อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งสั่งการโดยด่วน รอไม่ได้ ขอความกรุณา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โปรดเร่งการดำเนินการเรื่องนี้ทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องแรงงาน