เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ บช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณี พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับล่าสุด ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เกี่ยวกับการบังคับให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ นั่งคาร์ซีท ว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วัน หรือในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีใจความสำคัญ คือ ป้องกันไม่ให้เด็กได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตรายหากเกิดอุบัติเหตุทางถนนโดยการจัดที่นั่งที่เหมาะสมให้ โดยระบุใจความสำคัญในการป้องกันไว้ 3 รูปแบบ คือ ผู้ปกครองต้องจัดที่นั่งนิรภัย หรือคาร์ซีท สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ หรือมีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร หรือต้องจัดหาที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก อายุไม่เกิน 6 ขวบ หรือมีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร หรือหาวิธีป้องกันสำหรับเด็กที่โดยสารบนรถ

หากตีความข้อกฎหมายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ไม่ได้บังคับตายตัวว่า จะต้องใช้เพียงที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือคาร์ซีทเพียงอย่างเดียว แต่ยังระบุว่า หรือ จัดหาที่นั่งสำหรับเด็ก เช่น การจัดให้เด็กนั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยให้ หรืออาจใช้วิธีการป้องกันอื่นๆ เช่น การนำเด็กมานั่งตักและคาดเข็มขัดนิรภัยให้ทั้งตัวเด็กและผู้ปกครอง ซึ่งลักษณะและวิธีการป้องกันดังกล่าวต้องรอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่างข้อกำหนดให้ชัดเจนว่าการติดตั้งหรือจัดหาที่นั่งแต่ละแบบนั้น จะมีรูปแบบอย่างไร แบบไหนที่สามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ได้

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะใช้เวลาในช่วงระหว่างที่ก่อนกฎหมายบังคับใช้ 120 วัน ร่างข้อกำหนดดังกล่าวให้เสร็จสิ้น และหากยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้นเรียบร้อยก็ยังมีเวลาอีก 90 วัน ที่สามารถร่างข้อกฎหมายให้เสร็จสิ้นได้ ซึ่งคาดว่าหากใช้เวลาเต็มที่กฎหมายดังกล่าวก็จะบังคับใช้ หรือมีการจับปรับได้ในวันที่ 5 ธ.ค. 2565

สำหรับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลเอง จะเน้นรูปแบบการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองทราบ และหาวิธีการป้องกันตามข้อกฎหมายดังกล่าวตามที่ระบุไว้ในเบื้องต้น แต่จะไม่ได้เป็นรูปแบบของการตั้งด่านตรวจหรือจับปรับในกรณีดังกล่าวโดยเฉพาะ แต่หากเป็นเหตุซึ่งหน้า เช่น มีการตั้งด่านตรวจในกรณีอื่นๆ แล้วพบว่าผู้ปกครองไม่ได้จัดที่นั่งที่ปลอดภัยให้ก็จะทำการตักเตือนประชาสัมพันธ์ให้แก้ไขให้ถูกต้องเท่านั้น

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า หากเป็นรถโดยสาร รถแท็กซี่ รถประจำทาง หรือรถโรงเรียน กฎหมายดังกล่าวจะถูกบังคับใช้ไปด้วยหรือไม่ เรื่องนี้ตามข้อกำหนดแล้วเป็นหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกที่จะต้องออกประกาศว่า รถชนิดใดที่จะถูกบังคับใช้ตามกฎหมายนี้ และรถประเภทใดที่ได้รับข้อยกเว้น ซึ่งกรอบเวลาจะอยู่ในห้วงเดียวกันกับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ 120 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา และบวกเพิ่มอีก 90 วัน หากไม่เสร็จสิ้นเรียบร้อยหลังกฎหมายบังคับใช้