เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.ภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต, พญ.วิทิตา แจ้งเอี่ยม รอง ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต, พญ.ณัฐวรรณ เทพณรงค์ หน.กุมารแพทย์และโรคติดเชื้อเด็ก, นพ.คงกฤช กาญจนไพศิษฐ์ แพทย์ หู คอ จมูก, พญ.ปรารถนา ตุลยกนิษก์ จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมจักษุ และตกแต่งและเสริมสร้าง ร่วมกันประชุมหารือกรณี น้องโบ๊ท เด็กชายวัย 12 ปี ตาบอดหลังรับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 เมื่อวันที่ 25 พ.ย.64

วอนช่วยด.ช.วัย12 ฉีดเข็ม2 ชักตาบอด ผ่านมากว่า5เดือนไร้เยียวยา

ภายหลังการประชุมหาแนวทางการช่วยเหลือน้องโบ๊ท นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต กล่าวว่า โดยสรุปว่าน้องเข้ามารับวัคซีนเข็ม 2 ก่อนที่จะไม่สบายประมาณ 10 วัน หลังจาก 3 วัน เริ่มมีไข้ สรุปได้ว่า เป็นไวรัสอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งไซนัสลามไปที่กระบอกตา ต่อไปที่สมอง ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำให้สูญเสียทางสายตา เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดร่วมกัน ที่บังเอิญเป็นช่วงเวลาที่ใกล้กัน ไม่ใช่เกิดจากการฉีดวัคซีน แต่ว่าเป็นการติดเชื้อชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “สแปช” มันลุกลามไปทำให้เส้นประสาทตาถูกทำลาย ทำให้เด็กสูญเสียความสามารถในการมองเห็นในการกรอกตา เปิดเปลือกตา ซึ่งเป็นสาเหตุของการตาบอด

พญ.วิทิตา แจ้งเอี่ยม รอง ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต กล่าวว่า ทั้งนี้หมอในฐานะที่เป็นคนที่ดูวัคซีนภาพรวม ก็อยากจะเรียนเรื่องของความมั่นใจของการได้รับวัคซีนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนของประชาชน อยากจะเรียนแจ้งว่าการที่เราฉีดวัคซีน เราจะมีผลข้างเคียงตามที่ทุกท่านทราบ มีเล็กน้อย ไม่ว่าเจ็บบริเวณที่ฉีด มีไข้อ่อนเพลียบ้าง หรือว่ามีอาการของคลื่นไส้อาเจียน ส่วนในเด็กเองที่เจอเยอะ ที่น่ากังวลคือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ในส่วนของภาพต่างประเทศเราก็เจอในส่วนของการที่มีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบประมาณ 150 คน ต่อ 1 ล้านคน แต่จากเหตุการณ์ที่ประเทศไทยฉีดเด็กมาแล้ว 3 ล้านคน ก็เจอต่ำกว่าของภาคต่างประเทศ เราเจอประมาณ 10 ราย ทุกรายมีอาการไม่รุนแรง เราก็รักษาหายปกติ หมอก็อยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านมารับวัคซีนเนื่องจากว่าลดอัตราการป่วยหนักลดอัตราการเสียชีวิตได้แบบ 90%

ด้านนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผวจ.ภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า เราได้รับรายงานมาตั้งแต่เริ่มแล้วว่า น้องนั้นตามองไม่เห็น แต่ว่าสาเหตุไม่ได้มาจากการฉีดวัคซีน ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งทางคณะแพทย์ได้มีการสรุปแล้ว ซึ่งต่อไปนี้จะมีการส่งน้องไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตา สั่งการให้ทางพัฒนาสังคมฯ จัดการการช่วยเหลือตามสิทธิในเรื่องเงินช่วยเหลือ การกลับเข้าสู่ระบบการเรียนเฉพาะทางต่อไป