เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.กิตติพงศ์ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี หัวหน้าชุด ศพดส.ภาค 8 และ หน.ชุดปฎิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต ภาค 8 เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนขยายผล ในคดีค้ามนุษย์ (ซื้อบริการทางเพศเด็ก) ในลอตที่ 2 ที่ได้มีการออกหมายจับ จำนวน 18 หมาย และสามารถติดตามจับกุมมาได้แล้ว 17 ราย แบ่งเป็นกลุ่มผู้เป็นธุระจัดหา พาไปขายบริการทางเพศอันเป็นการค้ามนุษย์ จำนวน 4 คน ผู้สนับสนุนฐานค้ามนุษย์ 1 คน และกลุ่มผู้ซื้อบริการทางเพศ 12 คน เพื่อเตรียมสรุปสำนวนรายงานความคืบหน้าให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ซึ่งมีกำหนดการเดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าของคดีและตรวจสอบสำนวน ก่อนส่งให้พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาสั่งคดี ทั้งนี้ได้นำผลพยานหลักฐานทางเทคโนโลยีมาวิเคราะห์สรุปผลและสอบสวนปากคำพยานแวดล้อมเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.วัฒนา เบ้าศรี ผกก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เร่งออกติดตาม ตัวผู้ซื้อบริการอีก 1 ราย ที่ยังคงหลบหนีการจับกุม โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้แล้ว ส่วนนายแสงโรจน์ หรือ อ้วน กาญจนะ 1 ในผู้ต้องหาซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงอายุ ไม่เกิน 15 ปี ที่ถูกศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมด้วยผู้ต้องหาอีก 1 ราย ซึ่งมีอาชีพแพทย์ หลังมีหลักฐานว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และให้นำตัวเข้าฝากขังที่เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี

แหล่งข่าวจากเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี รายหนึ่งกล่าวว่า นายแสงโรจน์ มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นายแพทย์อีกคน มีสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งเจ้าหน้าที่เรือนจำได้จัดให้ทั้งคู่เข้าพักในส่วนของผู้ต้องขังเข้าใหม่และจัดผู้ช่วยผู้คุม เข้าดูแลอย่างใกล้ชิด และเหตุการณ์ทั่วไปยังปกติ

ขณะที่ นายโชคดี ศรัทธากาล ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านเคยรับทราบกระแสข่าวเกี่ยวกับการใช้บริการทางเพศ จากกลุ่มนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่อยู่บ้าน เนื่องจากต้องยอมรับ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นศูนย์กลางทางการศึกษา มีสถานศึกษาในทุกระดับชั้น โดยเฉพาะเยาวชนในอายุระหว่าง 13-18 ปี ตามข้อมูลของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด มีมากกว่า 90,000 คน และยังไม่เคยปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งเพื่อบูรณการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหาเป็นการเร่งด่วนแล้ว

นายโชคดี กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการเอง ขณะนี้เรากำลังดำเนินการโครงการพาน้องกลับมาเรียน หลังจากเกิดภาวะวิกฤติ ด้านโรคระบาดและทำให้เด็กและเยาวชนบางส่วนของสุราษฎร์ธานีประมาณ 1,200 คน ออกจากระบบการศึกษา และพบว่าปัญหาการค้าประเวณีเด็ก บางส่วนมาจากเด็กในส่วนนี้ ซึ่งตนได้กำชับไปยังหัวหน้าสถานศึกษาทุกแห่ง ทุกระดับในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งภาครัฐและเอกชน เร่งสำรวจนักเรียน และนำเด็กให้เข้าสู่ระบบการศึกษาให้ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามในส่วนการป้องกันในอนาคต ตนจะใช้กลไกของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียน-นักศึกษา ซึ่งมีอยู่จำนวน 700 คน ในการเพิ่มความเข้มในการสอดส่องดูแลความประพฤตินักเรียนจากปกติที่จะเน้นเฉพาะช่วงเทศกาล ให้มาเป็นการตรวจสอบตามสถานบันเทิง แหล่งมั่วสุมของเด็กและเยาวชน หอพัก และห้องแถว นอกจากนั้นจะได้ประสานขอข้อมูลเยาวชนกลุ่มเสี่ยงที่เข้าข่ายมีพฤติการณ์ค้าประเวณี มาเพื่อติดตามตรวจสอบหรือพบปะพูดคุยกับผู้ปกครองเพื่อร่วมกันแก้ปัญหา