ยังคงอยู่ในความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับการเสียชีวิตของ “แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์” นักแสดงชื่อดังที่ตกเรือเสียชีวิต หลังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อ้างว่ามีหลักฐานใหม่คดีแตงโม แฉกระบวนการลักศพไปทดสอบกับใบพัดเรือ สร้างหลักฐานเท็จให้สอดคล้องกับคำให้การพยานคนหนึ่งบนเรือลำเกิดเหตุ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงคดีดังกล่าวอย่างร้อนแรงนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พ.ค. โลกออนไลน์ได้เกิดกระแสแชร์ข้อมูลจากผู้สื่อข่าวชื่อดัง “จตุรงค์ สุขเอียด” ซึ่งได้โพสต์ข้อความระบุว่า “การตั้งข้อหาให้เบา เพื่อไม่ต้องรับโทษหนัก ก็เป็นการผ่อนหนักให้เบาทางหนึ่ง” เท่าที่ผมประสบมาจากบางคดีที่ทำข่าว แบบนั้นดีกว่า คดีสีดำมาฟอกให้ขาวแบบในบางคดี

ส่วนคดีคุณแตงโม ผมสงสัยมานานว่า ทำไม แทนที่ตำรวจจะตั้งข้อหาหนักไว้ก่อน เพื่อให้เป็นภาระพิสูจน์ความบริสุทธ์ของ 5 คนบนเรือ ท่านมาตั้งเป็นประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาให้การ ผู้เสียชีวิตปัสสาวะท้ายเรือ จนตกน้ำเสียชีวิต “คิดแบบคนไม่รู้กฎหมาย ก็คือ ประมาทร่วมใช่ไหมครับ?” 3 เดือนก็ว่ากันมาแค่ประมาทเป็นเหตุให้ตาย ไม่มีคดีเจตนา ไม่มีข้อหาอำพรางสาเหตุการเสียชีวิต เพราะอะไร ไม่เข้าข่าย

ผมจึงสงสัยต่อมาว่า
-ทำไม ไม่ตั้งเป็น ร่วมกันฆ่าผู้อื่นให้ถึงแก่ความตายไปเลย ร่วมกับข้อหา ร่วมกันปกปิดอำพรางศพ อำพราง สาเหตุการตาย เพื่อไม่ต้องรับโทษทางอาญา “ถ้าแบบนี้ ภาระการพิสูจน์จะเกิดกับคนทั้ง 5 ที่ต้องพิสูจน์ ให้ได้ว่า แตงโม เสียชีวิตอย่างไรกันแน่ เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องรับผิดเพราะอะไร และแบบนี้ก็ไม่ต้องตั้งข้อหาประมาทด้วยซ้ำไป” ถ้าไม่แน่ใจว่ามีหลักฐานสนับสนุนข้อหาหรือไม่ ท่านก็ลองใช้เซนส์ชาวบ้านแบบชาวบ้านแบบผมดูครับ

คือ ทำไม คนบนเรือมี 6 คน เป็นชาย 4 ในนี้เป็นสาว 2 รวมอยู่ด้วย หญิง 2 ดื่มไวน์กันทุกคน ทำไม เกิดปวดปัสสาวะคนเดียว และคนนั้นคือแตงโม ผ่านมา 3 เดือน ไม่มีคนอื่นบอกว่า คนอื่นก็ปวดและฉี่บนเรือเกิดเหตุก่อนแตงโม หรืออั้นกันได้ดีกว่า? ทั้งที่เพศชายน่าจะฉี่บ่อยกว่า หรือไม่ ถ้าไม่ร่วมกันปกปิดสาเหตุการตาย ทำไม ไม่แจ้งการตกเรือทันที ถ้าไม่มีเจตนาทำให้ถึงแก่ความตาย ทำไม ไม่มีใครกระโดด โยนชูชีพ หรือเครื่องช่วยชีวิตให้เกาะหรือ แสดงให้เห็นว่ามีคนลงไปช่วยหาในน้ำสักคนเดียว เพื่อนตกน้ำไม่มีเพื่อนสักคนที่ตัวเปียกเลยหรือครับ

ถ้าไม่ร่วมกันปกปิดสาเหตุ หรืออำพราง ทำไม ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะชี้จุด นำชี้ จุดที่แท้จริง ทำไม เพื่อนตกน้ำต่อหน้าต่อตา จะมาร์คพิกัดไม่ได้ ในเมื่อมองไปข้างๆ ก็เต็มไปสิ่งปลูกสร้างให้จำ เพราะนี่แสดงความสุจริตใจได้มากครับ ถ้าไม่มีเจตนาอำพราง ทำลายหลักฐานทำไม ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำให้การหาร่องรอยทำไม่ได้หรือหายไป ถ้าบริสุทธิ์ใจ ทำไม ไม่ให้ปากคำทันทีในคืนนั้น

“การไปหากุนซือจึงกลายเป็นเจตนาหาทางให้พ้นผิดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ครับ และที่สำคัญ การเป็นหญิง สวมชุดตัวเดียว แบบบอดี้สูท ไปปัสสาวะที่ท้ายเรือในขณะบนเรือมีคนมาก ประกอบกับเรือแล่นด้วยความเร็ว ยากจะพยุงตัวในมั่นคงได้จึงขัดกับหลักวิญญูชนจะกระทำ”

หลักวิญญูชนก็คือ อะไร ที่ขัดต่อความปกติของมนุษย์จะทำได้ คนทำได้จึงผิดปกติวิญญูชนพึงกระทำหรือไม่ “หากตั้งข้อกล่าวหาใหม่ ให้สมกับเหตุแห่งพฤติกรรม การพิสูจน์จะตกแก่ผู้ถูกถูกกล่าวหา ตำรวจจะได้ไม่ต้องรับภาระยุ่งยากแบบตอนนี้” คือทำให้เหมือนลูกหลานชาวบ้านที่เคยๆ ทำกันมาแหละครับ ว่ากันตามหลักฐาน ถ้าไม่ผิด ศาลท่านจะพิจารณาเอาจากหลักฐานและพิรุธที่มี

ว่ากันว่า การฟ้องคดีทำได้ครั้งเดียว หนเดียวในข้อหานั้น ทำไม ตั้งประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไป ลองตั้งใหม่ ผิดถูกศาลท่านจะพิเคราะห์เอง หากสุจริตก็ไร้ข้อครหาแบบแมนๆ ตำรวจจะได้ไม่ต้องมาคอยสร้างภาพประกอบคดีแบบแปลกๆ ให้คนเชื่ออีกต่อไป “แค่เปลี่ยนข้อหา วิธีการก็เปลี่ยนไปเหมือนโจทย์คณิตครับ คดีนี้จะพบทางสว่างเสียทีครับ”..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @จตุรงค์ สุขเอียด