เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า คดีค้ามนุษย์ที่ จ.สุราษฎร์ธานีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ตนลงไปติดตามสํานวนความคืบหน้าคดี ส่วนมีความกังวลเรื่องนักการเมืองในพื้นที่แทรกแซงคดีหรือไม่นั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นปัญหามานานแล้ว คดีนี้ทำง่ายตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนรวมถึงการทำงานต้องบูรณาการร่วมกันกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และทุกองค์กรถ้าส่วนไหนที่มีความผิดก็ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่ง ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำกรณี จ.เชียงใหม่ มีการจับกุมทั้งทหาร ตำรวจ ส่วนไหนที่เป็นการกระทำความผิดต้องทำความจริงให้ปรากฏ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันคดีที่สุราษฎร์ธานีไม่หนักใจอิทธิพลในพื้นที่แน่นอน เพราะไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใคร ทำอย่างตรงไปตรงมา คดีนี้เราสอบสวนเสร็จไปแล้วในชุดแรกผู้ต้องหา 11 คน แต่มีข้อมูลเพิ่มเติมมีการเข้าไปแทรกแซงกระบวนการสอบสวนจึงต้องเข้าไปดูอีกครั้งและรวบรวมพยานขยายผลได้ผู้ต้องหาอีก 18 คน รวม 29 คน พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ต้องไม่ให้เกิดขึ้นเรื่องการตีเด็กในสถานที่ราชการเกิดขึ้น จะต้องบังคับใช้กฎหมายให้เห็น ไม่เช่นนั้นจะเป็นเยี่ยง ย้ำว่าไม่มีเรื่องการเมือง แต่เป็นเครือญาตินักการเมืองและไม่มีการเล่นการเมือง เรื่องการทำผิดปกติ ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

เมื่อถามถึงคดีที่ประชาชนถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ได้ช่วยเหลือเหยื่อเหยื่อทั้งหมด 786 คน นำตัวข้ามกลับมาประเทศไทยแล้ว ตัดแยกพบว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ 219 คน และจับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด 107 หมายจับ ทั้งนี้ มาตรการในการป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกหลอกไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ คือ การตรวจตรา ดูแลและขอความร่วมมือ หอพัก บ้านเช่า รีสอร์ท และดึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นแนวร่วมและตรวจตราท่ารถผู้โดยสารต่างๆเพื่อไม่ให้มีการขนย้าย มั่นใจว่าเมื่อบังคับใช้มาตรการดังกล่าวจะแก้ปัญหาการถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติได้ดีขึ้น แต่ยอมรับว่าไม่สามารถแก้ได้ทั้งหมด ซึ่งผบ.ตร.ได้เดินทางไปกัมพูชาด้วยตัวเอง เพื่อประสานทางการกัมพูชาเป็นไปด้วยดี มีความร่วมมือกันอย่างดี และจะขยายไปยังประเทศลาว และเมียนมา เพราะวันนี้การทำงานเรื่องการค้ามนุษย์ไม่ได้ทำเป็นรายประเทศ แต่ต้องทำเป็นภูมิภาคที่ต้องร่วมมือกันและต้องประเมินเป็นภูมิภาคไม่ใช่ต่างคนต่างทำทุกประเทศต้องร่วมมือกันโดยเฉพาะในประเทศอาเซียน.