เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ว่า เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งให้ติดตามบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตั้งแต่ทราบว่ามีการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวออกไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค. โดยเป็นการนำเสนอสินค้า ที่มีเนื้อหาพาดพิงไปยังบุคคลที่มีอาการเจ็บป่วย มีความบกพร่องหรือความไม่เท่าเทียม

โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างน้อย 2 ข้อหา คือมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะมีข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมา และดำเนินการสอบปากคำตัวแทนจากศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันฯ หรือ ศปปส. และได้ประสานงานกับทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ให้ตรวจสอบและทำการปิดกั้น URL ที่นำเสนอเนื้อหาไม่เหมาะสมดังกล่าวไปแล้ว 49 URL ทั้งลิงก์ที่นำไปโพสต์และแชร์

เอาผิดม.112! ศปปส. ลุยแจ้งจับ ‘นารา เครปกะเทย–2 บริษัท’ คลิปไม่เหมาะสม

ส่วนการดำเนินคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง เบื้องต้นอย่างน้อย 3 ราย ทั้งบริษัทผู้ผลิตเนื้อหา, บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มที่เป็นผู้เผยแพร่, รวมถึงตัวนักแสดง ซึ่งก็จะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน และนำคำให้การมาประกอบพยานหลักฐานว่าใครจะเข้าข่ายความผิดอย่างไรบ้าง

รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ตำรวจไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ผู้เสพสื่อออนไลน์ก็เห็นอยู่แล้วว่าการกระทำนี้เหมาะสมหรือไม่ แม้บริษัทผู้ผลิตเนื้อหาจะมีการออกแถลงการณ์แล้วแต่เมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น โดยเฉพาะความผิดที่เสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมายเรื่องความมั่นคง ก็ต้องดำเนินตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทอาจทำเพื่อการตลาด แต่ก็ต้องดูเรื่องสิทธิและหน้าที่ด้วย อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง

ส่วนกรณีที่ 3 เหล่าทัพ มีการออกคำสั่งแบนไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้บริการแพลตฟอร์มดังกล่าวนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งดังกล่าว เพราะตำรวจถือว่ามี 2 สถานะ คือผู้บังคับใช้กฎหมายและประชาชนทั่วไป ซึ่งในฐานะประชาชนทั่วไป ก็ต้องให้พิจารณาไตร่ตรองเอาเองว่าจะปฏิบัติยังไงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงไม่ถึงขั้นต้องมีคำสั่งไปห้ามปราม.