จากกรณีราชกิจจานุเบกษา ประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับใหม่ ออกมาคุมเข้มเด็กไม่เกิน 6 ขวบ ที่ขึ้นรถต้องนั่งคาร์ซีทเพื่อป้องกันอันตราย หากใครฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท จนทำให้หลายครอบครัวมีความกังวลอาจไม่มีกำลังในการซื้อหาคาร์ซีทมาใช้ได้ หลังเริ่มพบร้านค้าฉวยโอกาสเก็งกำไร ขายในราคาที่สูงเกินจริง

นายไพบูลย์ ช่วงทอง กรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าและบริการ สภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยว่า ขอเสนอให้ภาครัฐดำเนินมาตรการเข้ามาช่วยดูแล จัดหาคาร์ซีท เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน เพราะต้องยอมรับปัจจุบันยังมีบางครอบครัวที่มีข้อจำกัดเรื่องรายได้ และอาจเข้าถึงได้ยาก จึงเป็นหน้าที่หน่วยงานด้านสังคมของภาครัฐ ควรช่วยดูแลจัดหา ให้กับผู้ที่เดือดร้อนในบางกลุ่ม สามารถเข้าถึงการใช้คาร์ซีทเพื่อสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนได้ด้วย

ขณะเดียวกันรัฐบาลควรมีมาตรการทางด้านเศรษฐกิจ เข้ามาช่วยเหลือ เช่น ในระยะสั้น กระทรวงพาณิชย์ควรเข้าไปกำกับดูแลไม่ให้มีการฉวยขึ้นราคาสินค้า หรือมีการร่วมกับผู้จำหน่าย ห้างจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ ขณะที่กระทรวงการคลัง ควรพิจารณาให้มีมาตรการลดหย่อนภาษี โดยนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อคาร์ซีทมาลดหย่อนภาษีเงินได้ เพื่อช่วยลดภาระแก่พ่อแม่ผู้ปกครองอีกทางหนึ่ง ส่วนระยะยาวควรดำเนินมาตรการสนับสนุน การลงทุนผลิตคาร์ซีทในประเทศไทย เพราะหลังกฎหมายบังคับใช้แล้วจะมีใช้จำนวนมาก จึงควรทำให้ราคาคาร์ซีทมีราคาถูกลง เนื่องจากคาร์ซีทที่ใช้ส่วนใหญ่ จะมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด