เริ่มตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วาระแรก วันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.นี้ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) กฎหมายลูก 2 ฉบับ ที่จะเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาวาระ 2 ราวๆ กลางเดือน มิ.ย.นี้

ก่อนที่จะเข้าสู่ ไฮไลต์ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ  ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ที่มี “บิ๊กตู่” ยืนหนึ่ง พ่วงรัฐมนตรีอีกกลุ่ม ไม่ให้เหงา ทั้งพรรค “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์” และชื่อของ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) “แม่บ้านป้ายแดง” ที่ฝ่ายค้านประกาศ จองกฐิน จากปม ขุมทรัพย์น้ำ 2.5 หมื่นล้านในอีอีซี และปมน้ำที่กำลังบานปลาย กลายมาเป็นศึกภายในพรรคพลังประชารัฐ

เริ่มตั้งแต่ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 ไปร่วมกินข้าว เขย่าเก้าอี้ “เลขาฯ สันติ” ร่วมวางแผนอภิปรายไม่ไว้วางใจกับ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคราม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จนทำให้ ทีมกฎหมายพรรค นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรค พปชร. พร้อมด้วย 3 กรรมการ ได้แก่ นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายประสาน หวังรันตปราณี นายทศพล เพ็งส้ม กรรมการ เด้งรับลูกสอบพฤติกรรมการที่ของ “พิเชษฐ” ในฐานะสมาชิกพรรค พปชร. ที่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับพรรค 

สรุปผลสอบเบื้องต้นลงดาบ “พิเชษฐ” ทำตัวเป็นปฏิปักษ์พรรค ตั้งกลุ่มการเมืองใช้ชื่อกลุ่ม 16 เพื่อเคลื่อนไหวการเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพรรค อีกทั้งยังไป สุมหัวฝ่ายค้าน-พร้อมฮัลโหลหานายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และตัดสิทธิ 3 ข้อ “นั่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) หรือตำแหน่งอื่นในสัดส่วนของพรรค-การดีดพ้นไลน์กลุ่ม-การห้ามใช้โลโก้พรรค” เป็นเวลา 6 เดือน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.65 ถึง 12 พ.ย.65 ก่อนส่งให้คณะกรรมการบริหารพรรค ที่มี หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธาน รับรองมติ!!

ยิ่งเป็นการสุมไฟขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ เพราะ “พิเชษฐ” ประกาศ ดับเครื่องชน ขอโควตาอภิปรายจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมซักฟอก “เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ” อย่างเต็มตัว

ขณะที่ พรรคเพื่อไทย ก็จุดกระแสการมาร่วมรับประทานข้าวเพื่อเตรียมข้อมูลซักฟอกรัฐบาล จาก “ผู้กองคนดัง” ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์จาก เคส “กบฏธรรมนัส” ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงต้นเดือน ก.ย. 64 ที่ผ่านมา โดยปั่นราคาเสียงสนับบ ส.ส. 16 เสียงพรรคเศรษฐกิจไทย และพรรคเล็ก ร่วมๆ 20 เสียง แทคทีมโหวตคว่ำ

ซึ่งกว่าจะถึงวัน เวลา ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ร่วม 2 เดือน ซึ่งเวลาดังกล่าว ทางการเมืองอะไรก็เกิดขึ้น ยังมีเวลาไปรอมชอมผลประโยชน์ให้ลงตัว?? สุดท้ายก็ต้องจับตาที่โหมโรงกัน ดุเดือด ครึกโครม จะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ จากที่เคยเสียงดัง ก็อาจเสียงเบาลง หรือเงียบไปเลย หากทุกอย่าง “เกี๊ยะเซียะ” ลงตัว.