เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค. เวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา (ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คณะผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่ง นางแนนซี เพอโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ที่รัฐสภาสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีร่วมกล่าวถ้อยแถลงในงานนี้ตอนหนึ่งว่า ผู้นําจากฝ่ายรัฐสภาสหรัฐ มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ ที่ครบรอบ 45 ปีในปีนี้ และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันถือเป็นจุดแข็งหลักของอาเซียน-สหรัฐ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนกว่า 1,000 ล้านคนของอาเซียนและสหรัฐ โดยสหรัฐเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจสำคัญของอาเซียน เป็นคู่ค้าอันดับ 2 และนักลงทุนอันดับ 1 ของภูมิภาค ความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การผลักดันการค้าเสรี และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานจึงเป็นวาระสำคัญที่ทุกประเทศต้องดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจของโลกอยู่ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนผ่าน ดังนั้น ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ในปีนี้ จึงให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้เป็นลำดับต้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบัน อาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 5 ของโลก และคาดว่าจะเติบโตเป็นอันดับ 4 ภายในปี 2573 อีกทั้งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับภาคธุรกิจ และสร้างงานให้กับชาวอเมริกันได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมสาขาใหม่ๆ อาทิ พลังงานสะอาด อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิทัล และนวัตกรรมการแพทย์ สำหรับประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐ ที่เป็นความสัมพันธ์ทางการทูตมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2376 โดยปัจจุบันสหรัฐมีการลงทุนในไทย 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ภาคเอกชนไทยมาลงทุนใน 26 รัฐของสหรัฐ มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายกฯ กล่าวว่า บรรยากาศแห่งความสงบและสันติสุขจะเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการฟื้นฟูและพัฒนาไปสู่การมีอนาคตที่มั่นคง โดยหวังจะเห็นบทบาทที่สร้างสรรค์ของสหรัฐ ผ่านความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและเอื้อประโยชน์ต่อทุกฝ่ายใน 4 สาขาภายใต้กรอบความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก บนพื้นฐานของหลักความไว้วางใจซึ่งกันและกัน การเคารพซึ่งกันและกัน และการมีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการสนับสนุนจากรัฐสภาสหรัฐด้วย ความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ มีความสำคัญต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของ 2 ฝ่ายและของภูมิภาค อีกทั้ง ตนหวังว่ารัฐสภาสหรัฐจะให้การสนับสนุน และผลักดันความร่วมมือต่างๆ ในทางบวกให้ก้าวหน้าต่อไป เพื่อประโยชน์ที่ยั่งยืนและสมดุลของประชาชนของอาเซียนและสหรัฐ.