จากรณี โลกออนไลน์แชร์เรื่องราวของหนุ่มอุดรธานี ที่โดนอดีตแฟนสาวตามราวี ไม่พอใจที่ฝ่ายชายบอกเลิกรา จนถึงขั้นทำทุบทำลายรถจนอีกฝ่ายต้องเสียค่าซ่อมนับแสนบาท แต่ฝ่ายหญิงยังไม่ยอมหยุด มาดักทำร้ายฝ่ายชายหน้าที่ทำงานกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ขณะที่ชาวเน็ตที่พบเห็นต่างก็สงสัยว่าทำไมฝ่ายหญิงถึงได้ตามราวีฝ่ายชายขนาดนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายศักดิ์สิทธิ์ เหาะเหิน หรือ นายตั้ม อายุ 37 ปี ว่าตนรู้จัก น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊กโดยมีการคบหาเป็นแฟนกันได้ 3 เดือน แต่เพราะทางครอบครัวไม่ชอบเรื่องคำพูดและกิริยาของฝ่ายหญิง ทำให้ตนต้องตัดสินใจเลิกลา ไม่ขอพุดคุยหรือพบเจอกันอีก ภายหลังอีกฝ่ายเกิดความไม่พอใจ บุกมาทุบทำลายกระจกหลักรถและกระจกประตูหน้า รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ แอททราจ สีดำ ทะเบียน กว 3614 อุดรธานี ที่จอดอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ตนพยายามโทรศัพท์ไปเจรจาให้มาจ่ายค่าซ่อมแซม แต่อีกฝ่ายไม่ยินยอมพร้อมท้าทายให้ไปแจ้งความเพื่อให้เอาผิด แม้ว่าติดคุกก็จะไม่จ่ายเงินให้

นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตอนนั้นตนยังคิดว่าจะแจ้งความดีหรือไม่ รอให้อีกฝ่ายใจเย็นแล้วค่อยคุยกันใหม่ ผ่านไปอีก 10 กว่าวันปรากฏว่าอีกฝ่ายบุกมาใช้ของมีคมกรีดฝากระโปรงรถและประตูด้านหลังฝั่งซ้าย เป็นข้อความด่าทอหยาบคาย รวมทั้งกรีดเบาะหน้ารถฝั่งซ้ายจนขาด ทั้งยังเจาะยางหน้ารถจนแตกรั่วเสียหายด้วย ทางศูนย์ซ่อมรถประเมินความเสียหายแล้วอยู่ที่ 1.3 แสนบาท ตนจึงนำภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง 2 เหตุการณ์ไปแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีและชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ปรากฏว่า น.ส.เอ ยังไม่ยอมมาพบตำรวจแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เรื่องยังไม่จบเท่านี้ เพราะเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.เอ ยังขี่ จยย.มาดักรอตนที่ทำงาน มีการใช้ขวดเหล้าขว้างใส่ตนและพยายามจะใช้มีดทำร้ายตนด้วย โชคดีที่ตนหลบทัน ประกอบกับมีเพื่อนร่วมงานช่วยกันจับตัวส่งตำรวจ เบื้องต้น น.ส.เอ ถูกแจ้งข้อหา “พกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” ปรับเงิน 1,000 บาท มีการว่ากล่าวตักเตือนแล้วก็ปล่อยตัวออกมาอีก เรื่องนี้ทำให้ตนรู้สึกไม่ปลอดภัย และไม่ได้รับความเป็นธรรม น.ส.เอ ยังคงตามราวีไม่จบ มีการโพสต์เฟซบุ๊กข่มขู่ตนและเพื่อนสนิท รวมทั้งส่งข้อความข่มขู่แฟนใหม่ตนด้วย จึงอยากขอความเป็นธรรมกับตำรวจให้ช่วยดำเนินการกับอีกฝ่ายไม่ให้มาตามราวีตนได้อีก

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังร้านขายโดนัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองอุดรธานี โดยพบกับ น.ส.เอ ผู้ก่อเหตุ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ปรากฏว่า น.ส.เอ ปฏิเสธไม่ขอให้ข้อมูล และยังกล่าวสั้น ๆ ว่าให้ไปถามอีกฝ่ายเอาเอง.