เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ยืนยันกระแสพรรคเพื่อไทยในพื้นที่อีสานดีขึ้นภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยสังเกตจากมีผู้มาสมัครเป็นสมาชิกครอบครัวเพื่อไทยเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ น.ส.แพทองธาร ยังมีเวลาทำงานกับประชาชนอีกนานกว่าจะเลือกตั้ง และจะเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนกลับคืนมาที่พรรคเพื่อไทย ทำให้มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนจะเลือกพรรคเพื่อไทยแบบถล่มทลาย ทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ภาคอีสานและมั่นใจพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้พรรคเพื่อไทยจะชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลในการบริหารงาน ความบกพร่อง ความไม่รับผิดชอบต่างๆ ของรัฐบาล เมื่อประชาชนได้รับฟังจะตัดสินใจในการเลือกตั้งได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ นายสมคิด กล่าวถึงกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เสนอเรื่อง 4 เสาหลักการเงิน สำนักงบประมาณ, กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต้องแข็งอย่าอ่อนให้ฝ่ายการเมืองในเรื่องจัดทำงบประมาณว่า นายสมคิดอยู่ในรัฐบาลเกือบ 4 ปี ทำไมไม่ดำเนินการเรื่องนี้มาแต่ต้น ทั้งที่ตอนนั้นมีอำนาจมีหน้าที่ต้องบริหารบ้านเมือง แล้วมาพูดตอนไม่มีอำนาจจะได้ประโยชน์อะไร สะท้อนให้เห็นว่าเวลาอยู่กับรัฐบาล คสช. ท่านไม่กล้าที่จะตัดสินใจ ตอนนี้นายสมคิดพูดเพียงเพื่อสร้างภาพและหาคะแนนเสียงจากประชาชน ในมุมมองตนเห็นว่าท่านไม่สมควรคิดรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคการเมืองไหนเพราะตอนเป็นรองนายกฯพิสูจน์แล้วว่าท่านไม่กล้าทำอะไร สรุปแล้วที่ว่ามาในครั้งนี้ก็ทำได้แค่พูด ไม่สามารถแปลเป็นความจริงได้ เมื่อท่านลงจากเวทีการเมืองไปได้แล้วอย่าขึ้นมาอีกเลยอย่าหลงลมคนรอบข้างเอาเวลาที่มีอยู่ไปเลี้ยงลูกหลานดีกว่า

ต่อมานายธันวา ไกรฤกษ์ รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย(สอท.) กล่าวตอบโต้นายสมคิด ขอให้ ใช้กูเกิลค้นหาดูว่าในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ประสบความสำเร็จในการบริหารเศรษฐกิจจนเป็นที่ยอมรับ ใครเป็น รมว.คลัง ในขณะนั้นหากนายสมคิด อยากสร้างชื่อเสียงให้ตนเองได้เป็นที่รู้จัก ควรตั้งใจทำงานในพื้นที่ให้ดี ไม่ใช่เอาเวลามานั่งดิสเครดิต ใส่ร้ายผู้อื่น เพียงเพื่อหวังให้เจ้านายหันมามอง

นายธันวา ไกรฤกษ์ รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย

“นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นหนึ่งในไม่กี่คน ที่มีประสบการณ์และความสามารถมากพอที่จะกู้วิกฤตเศรษฐกิจ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรง และพรรคอนค.พยายามที่จะสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน ถึงจุดขายด้านเศรษฐกิจของพรรค โดยไม่เพิ่มวาทกรรม และความเกลียดชังเข้าไปในสังคม ส่วนใครจะยึดแนวทางเก่าที่ทำให้สังคมแตกแยก ก็สุดแล้วแต่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง และหวังว่าพรรคเพื่อไทย จะควบคุมพฤติกรรมและการแสดงออกของสมาชิกพรรคให้ดีกว่านี้”นายธันวากล่าว.