จากกรณีเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางหลังจากเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3 นำเอาเรื่องสุดเศร้าของ ด.ญ.เอ อายุ 14 ปี ที่ปัญหาครอบครัวรุมเร้าให้ต้องดิ้นรน หาหนทางเรียนหนังสือต่อ แต่สุดท้ายกลับถูกครูในโรงเรียนพูดจากล่าวหา ทำนองว่าไม่มีทางเรียนต่อได้ ทั้งตัวมีเพียงเงิน 200 บาท สุดท้ายเด็กสาวตรอมใจเครียดหนัก ผูกคอตัวเองเสียชีวิตในบ้านพักตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 16 พ.ค. นางมาลี แก้วละเอียด ผอ.โรงเรียนสตรีพัทลุง ยืนยันว่า โรงเรียนได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือดูแลนักเรียนคนดังกล่าวไว้ทุกด้านแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความเข้าใจที่ผิดพลาด

ด้าน น.ส.จรรยา ชูเมฆ ครูโรงเรียนสตรีพัทลุง ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งได้แนะนำให้ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) นำมารดามาพบกับครู ในวันที่  17 พ.ค.65 เพื่อยินยอมให้นำเด็กคนดังกล่าวไปพักอาศัยในบ้านพักเด็กและเยาวชน ได้ปฏิเสธที่จะให้ข่าวกับสื่อมวลชน เนื่องจากรู้สึกเครียดและสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ตนเองได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลเด็กอย่างเต็มที่แล้ว

อย่างไรก็ตามจากการที่ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปติดตามในเฟซบุ๊ก ส่วนตัวของ น.ส.จรรยา ก็พบว่า ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้เป็นตัวกลางในการระดมความช่วยเหลือจากเพื่อนครู พรรคพวกเพื่อนฝูงในการจัดซื้อเครื่องแบบนักเรียน รองเท้า ชุดพละ ให้แก่นักเรียน พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณเพื่อนครู เพื่อนฝูงที่นำนักเรียนไปจัดซื้อกระโปรง รองเท้า ชุดพละ ให้นักเรียนด้วย รวมทั้งขอบคุณที่นำเสื้อผ้านักเรียนที่มีสภาพใหม่มามอบให้นักเรียนก่อน ที่จะเปิดภาคเรียนอีกด้วย และเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 พ.ค.นี้ ที่ห้องประชุมราชาวดี

นายมลตรี ดำช่วย รอง ผอ.โรงเรียนสตรีพัทลุง ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยมีนางมาลี ได้เข้ามาพบกับคณะกรรมการผู้เข้าร่วมประชุมด้วย

สุดเศร้า ด.ญ.14 พยายามสู้ชีวิตให้ได้เรียนต่อแต่ไม่สมหวัง ตัดสินใจผูกคอ…

ทางด้านนายปริญญา อนุพินิจ นิติกรชำนาญการพิเศษสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นคณะกรรมการฯขุดดังกล่าว กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสังคมกำลังสับสน คณะกรรมการฯ จึงต้องทำเรื่องนี้ให้ความจริงปรากฏ ซึ่งตนก็ยอมรับว่าโรงเรียนแห่งนี้มีระบบการดูแลนักเรียนที่เป็นสาระสำคัญและเป็นประเด็นหลักอยู่แล้ว ซึ่งจะสังเกตได้จากโรงเรียนต่างๆทั้งในและต่างจังหวัดได้เข้ามาศึกษาดู งานระบบการดูแลนักเรียนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทางผู้บริหารหาร คณะครู ต่างรู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อที่จะได้สรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานให้สังคมได้รับทราบ ตามขั้นตอนต่อไป

พร้อมกันนั้นก็ได้เรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงได้เสนอข่าวที่เกิดขึ้น โดยการสืบหาข้อเท็จจริงกันทั้ง 2 ฝ่าย อย่าได้ให้สังคมลงโทษโรงเรียน ผู้บริหาร และคณะครูเพียงฝ่ายเดียว