เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนสอบสวน เอาผิดนายอำเภอป่าติ้ว และ ผอ.สำนักพุทธฯ จ.ยโสธร ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณี เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ปล่อยให้ “หมอปลา” หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว กับพวก พาทีมสื่อมวลชนบุกไปที่สำนักสงฆ์ดงสว่างธรรม อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร กล่าวหา “หลวงปู่แสง ญาณวโร” ว่าจับต้องผู้หญิง

โฆษกสำนักพุทธฯ เผย พระอุปัฏฐาก ยัน ‘หลวงปู่แสง’ อาพาธอัลไซเมอร์

โดยมีการนำคลิปภาพ เสียง ที่จัดทำขึ้นในลักษณะล่อให้กระทำความผิด อันเป็นพยานหลักฐานอันเป็นเท็จตาม ป.อ.มาตรา 179 มาเป็นพยานในการกล่าวหาดังกล่าว และใช้กิริยาวาจาและท่าทางที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นการเคารพพระอริยสงฆ์ในพุทธศาสนา เป็นเหตุให้เกิดเป็นกระแสไม่พอใจของศิษยานุศิษย์และประชาชนเนื่องจากว่า ข้อเท็จจริง หลวงปู่แสง ท่านชราภาพอายุร่วม 100 ปีแล้ว อีกทั้งมีอาการป่วยอัลไซเมอร์ จึงไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักที่จะเป็นไปตามการกล่าวหาได้

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ซึ่งการบุกไปสำนักสงฆ์ดังกล่าว มีนายอำเภอป่าติ้ว ผอ.สำนักพุทธฯ จ.ยโสธร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมคณะไปด้วย ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ราชการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมต้องเข้าใจกฎระเบียบ และขั้นตอน วิธีการในการปฏิบัติต่อพระเถระชั้นผู้ใหญ่ดี แต่กลับปล่อยให้หมอปลาและพวกแสดงพฤติกรรมในลักษณะข่มขืนใจหลวงปู่แสง ให้ยอมรับว่ากระทำการใดหรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด อันมีลักษณะความผิดตาม ป.อ.มาตรา 309 และยังอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 14 (1) แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม 2560 ประกอบ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 มาตรา 44 ตรี และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และมาตรา 210 ฐานอั้งยี่-ซ่องโจร อีกด้วย

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่นายอำเภอป่าติ้วและ ผอ.สำนักพุทธฯ จ.ยโสธร ร่วมเดินทางไปกับขบวนของหมอปลาและพวก และปล่อยให้มีพฤติการณ์ข่มขืนใจ จาบจ้วง และการแสดงกริยาวาจาท่าทางที่ไม่เหมาะสมต่อ หลวงปู่แสง ให้ยอมรับผิดตามการกล่าวหา ถือได้ว่ามีส่วนช่วยเหลือหรือสนับสนุนให้หมอปลาและคณะกระทำความผิด ตาม ป.อ.มาตรา 86 ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น เพื่อมิให้เจ้าหน้าที่รัฐถูกบุคคลใดใช้ตำแหน่งหน้าที่เป็นเครื่องมือของใครในการกระทำดังกล่าว หรือแสวงหาผลประโยชน์แอบแฝง หรือทำลายพระพุทธศาสนา สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความมาร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนและเอาผิดผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งสองและผู้ที่เกี่ยวข้องในโทษขั้นสูงสุดต่อไป