เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยนาย กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความเข้ายื่นคัดค้านการฝากขังต่อในผัดที่ 7 น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักเคลื่อนไหวอิสระ วัย 20 ปี ผู้ต้องหาคดีดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 112 ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ม.368 ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในคดีโพสต์เฟซบุ๊กไลฟ์สดก่อนมีขบวนเสด็จฯ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.65 โดยนายพิธา จะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ขอประกันตัว น.ส.ทานตะวัน

นายพิธา กล่าวว่า น.ส.ทานตะวัน ถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.65 และเริ่มอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวมาตั้งแต่วันดังกล่าว จนถึงวันนี้ รวม 27 วันแล้ว ที่มายื่นประกันด้วยความเป็นห่วงและกังวลเรื่องสุขภาพร่างกาย ยังมาเพื่อยืนยันในหลักการระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง เป็นการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์หากยังไม่มีการพิพากษา
จากการที่รับฟังข้อมูลที่ผ่านมาไม่มีพฤติกรรมหลบหนี เพราะฉะนั้นกฎหมายอาญามาตรา 108/1 ต้องมีข้อยกเว้นไว้ 5 ข้อ ซึ่งน.ส.ทานตะวันไม่มีทั้ง 5 ข้อ จึงคิดว่ามันผิดหลักสิทธิในการต่อสู้ และยังแสดงให้เห็นถึงปัญหาของกฎหมาย มาตรา 112 ทั้งในเรื่องของตัวบทความและเรื่องของการบังคับใช้ มันกว้างเกินไปและโทษสูงเกินไปไม่ได้สัดส่วน ซึ่งวันนี้จะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัว และคาดหวังว่าจะได้รับการประกันตัว จะได้ยุติการอดอาหารสักที เพราะ 27 วันร่างกายคงจะไม่ไหว

ทางด้านนายกฤษฎางค์ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงเรื่องสุขภาพของ น.ส.ทานตะวัน ว่า เท่าที่ทราบอาการไม่ค่อยดี มีอาการหน้ามืดวันละ 3-4 ครั้ง และมีอาการอื่นร่วมด้วย ทั้งนี้พวกเรา ไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิด ของน.ส.ทานตะวัน ได้เพียงแต่ให้กำลังใจอยู่ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง แต่เราจะพยายามให้ศาลเห็นตามที่นายพิธาพูดว่า ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ประเด็นนี้คงเป็นบทพิสูจน์ต่อไปว่าระบบยุติธรรมใช้ได้จริงหรือไม่ในสังคมตอนนี้

นายกฤษฎางค์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้จะไปยื่นขอปล่อยชั่วคราว กำลังรอศาลไต่สวนฝากขังอยู่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการประกันตัว เพราะถ้าหากศาลรับฝากขัง ก็ยื่นประกันตัว ถ้าไม่รับฝากขังก็ต้องปล่อยโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะคดีนี้น.ส.ทานตะวัน ยังเป็นแค่ผู้ต้องหาไม่ได้เป็นจำเลย