สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่านายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและเศรษฐกิจภายในศรีลังกา ว่าเชื้อเพลิงในคลังสำรองของประเทศ เหลือเพียงพอใช้งาน “อีกเพียงวันเดียวเท่านั้น” และเตือนว่า ศรีลังกาต้องเผชิญกับความยากลำบากต่อการดำรงชีวิต นานต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน โดยสถานการณ์ทุกอย่างจะ “แย่ลงก่อนดีขึ้น”
ขณะเดียวกัน วิกรมสิงเหกล่าวถึงปริมาณทุนสำรองระหว่างประเทศ จากที่เคยมีประมาณ 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 259,102.50 ล้านบาท) เมื่อเดือน พ.ย. 2562 ตอนนี้ “แทบไม่เหลือแล้ว” อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจำเป็นต้องระดมทุนจากภายนอกให้ได้อย่างน้อย 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,590.46 ล้านบาท) ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อรักษาสภาพคล่อง ที่รวมถึงการใช้ชำระค่าพลังงานล่วงหน้า เนื่องจากตอนนี้การตัดกระแสไฟฟ้าต้องเพิ่มเป็นวันละ 15 ชั่วโมงแล้ว และการนำเข้าสิ่งของจำเป็นอีกหลายรายการ โดยเฉพาะยารักษาโรค

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีของศรีลังกายังกล่าวถึง แผนการแปรรูปกิจการของศรีลังกัน แอร์ไลน์ส สายการบินแห่งชาติ ซึ่งประสบกับภาวะขาดทุนต่อเนื่องมานานหลายปี และการขออนุมัติจากสภา เพิ่มการพิมพ์ตั๋วเงินคลัง หรือตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี จาก 3 ล้านล้านรูปีศรีลังกา (ราว 296,737.93 ล้านบาท) เป็น 4 ล้านล้านรูปีศรีลังกา (ราว 395,650.57 ล้านบาท)
ปัจจุบัน ศรีลังกากำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร เมื่อปี 2491 ซึ่งมวลชนที่ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลมองว่า เป็นผลจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ของประธานาธิบดีโกตาพญา ราชปักษา และพี่ชาย คือนายกรัฐมนตรีมหินทา ราชปักษา โดยสถานการณ์บานปลายเป็นการประท้วงครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 300 คน
แม้ราชปักษาผู้พี่ยอมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่แทบไม่ช่วยบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ เนื่องจากประชาชนที่ต่อต้านยืนกรานว่า ราชปักษาผู้น้องต้องลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย.
เครดิตภาพ : REUTERS