เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ เพื่อร้องขอให้ดีเอสไอ รับคดีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ เป็นคดีพิเศษ โดยนำพยานหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคดี 20 ชุด มามอบเพื่อประกอบการพิจารณา

โดย นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ดีเอสไอนัดสอบปากคำ พร้อมนำพยานหลักฐานสำคัญ 20 ชุด มีภาพจากกล้องวงจรปิดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต พบว่ามีเรือสปีดโบ๊ต 2 ลำไปที่ท่าทรายริมแม่น้ำหลังเกิดเหตุ ซึ่ง กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ อดีตผู้จัดการของแตงโม และนางภนิดา แม่แตงโม ก็เคยพูดว่า มีเรือ 2 ลำ เชื่อว่าเรืออีกลำที่คล้ายรุ่นเดียวกันกับลำก่อเหตุนั้นยังอยู่ และตำรวจก็รู้ แต่แกล้งไม่เห็น ซึ่งคราบเลือด ร่องรอยดีเอ็นเอของแตงโม อาจจะอยู่ที่เรืออีกลำก็ได้ แต่ตนไม่มีอำนาจตรวจสอบว่ามีเรือรุ่นนี้อยู่ในประเทศไทยกี่ลำ

รวมถึงยังมีหลักฐานว่าแผลด้านในขาขวาบนศพ เกิดจากของมีคม ไม่ใช่ใบพัดเรือ และมีทรายในมือข้างเดียวที่ลักษณะคล้ายกับทรายบนท่าทรายดังกล่าว กับโคลนในปอดแตงโมที่ทำให้เชื่อว่าศพไม่ได้อยู่ที่จุดตกตามที่แถลงข่าวไป เพราะที่นั่นมีแต่ทราย ไม่มีโคลน และผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการที่โคลนอยู่ในปอด แสดงว่าไม่ได้เสียชีวิตในน้ำลึก แต่จุดพบศพเป็นน้ำลึก ซึ่งมีพยานชี้ชัดว่าจุดตกอยู่คนละฝั่ง และไม่แน่ใจว่าตำรวจได้สอบปากคำเพื่อนหรือญาติแตงโม เรื่องยารักษาโรคซึมเศร้าหรือยานอนหลับที่พบในร่างกายแตงโมว่าเป็นชนิดเดียวกันกับที่พบในคนบนเรือหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นเหตุจูงใจในการฆาตกรรมด้วยการใส่ยา โดยไม่ได้เตรียมการมาก่อนจึงต้องอำพรางคดีหรือไม่ เพราะเชื่อว่า นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน ที่อยู่บนเรือด้วยจะต้องให้การเท็จแน่นอน เพราะเจ้าของอู่เรือเอ็นบีซี ระบุว่า ได้รับแจ้งข้อความช่วยเหลือจากคนบนเรือประมาณ 22.20 น. แต่ในการแถลงข่าวกลับเป็นเวลา 22.34 น.

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สำหรับพยานในคดีนี้มีผู้เชี่ยวชาญ 12 ปาก ที่มีใบรับรองในสาขาต่างๆ เช่น นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่ตรวจสอบเรื่องบาดแผล แต๊งค์-พงศกร มหาเปารยะ นักแสดงชาย ที่ยืนยันว่าแตงโมเป็นคนขี้กลัว จะไปปัสสาวะท้ายเรือไม่ได้แน่นอน ส่วน อะตอม สัมพันธภาพ เพื่อนดาราสาว ก็รู้ว่าคนบนเรือนิสัยอย่างไร และยังมีประธานชมรมกู้ภัยทางน้ำ ที่เก็บทรายและถ่ายภาพใต้น้ำไว้ได้ อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ ที่ระบุว่า ถ้าแตงโมตกท้ายเรือ จะถูกดีดออกไม่ได้ถูกดูดเข้าใต้ท้องเรือ รวมถึง ไทด์-เอกพัน บรรลือฤทธิ์ ที่ไปร่วมเก็บร่างแตงโมและมีภาพศพ ทั้งนี้ การตัดสินใจรับเป็นคดีพิเศษก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอธิบดีดีเอสไอ เว้นแต่เกรงใจตำรวจ ถ้าตรงไปตรงมาต้องรับแน่นอน และคดีจะเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่จะไม่เกี่ยวกับคดีที่ จ.นนทบุรี

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า เบื้องต้นจะสอบคำนายอัจฉริยะไว้ และจะนำพยานหลักฐานไปประกอบกับข้อมูลที่คณะสืบสวนของดีเอสไอได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ส่วนกรณีที่ นางรสนา โตสิตระกูล เคยมายื่นเรื่องร้องเรียนกับเราไว้ ก็จะนำมารวมเป็นสำนวนเดียวกัน โดยจะให้คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อนเสนอให้คณะกรรมการของดีเอสไอพิจารณาว่าจะรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษหรือไม่

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า หลังมีการสืบสวนคดีดังกล่าว ดีเอสไอจะแยกประเด็นการสืบสวนสอบสวนออกจากของตำรวจ ส่วนข้อมูลที่ได้จะตรงกันหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดได้ ยืนยันว่า ดีเอสไอกำลังดำเนินการ แต่จะทันการประชุมของคณะกรรมการในช่วง 2-3 เดือนที่จะถึงนี้หรือไม่ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่ต้องตรวจสอบเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ หากระหว่างที่กำลังสืบสวนอยู่แล้วอัยการตัดสินใจส่งฟ้องคดีดังกล่าวขึ้นไปยังชั้นศาล ดีเอสไอก็จะพิจารณาข้อกฎหมายอีกครั้งว่าจะสามารถรับเป็นคดีพิเศษ หรือเข้าไปสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมได้หรือไม่.