เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 พ.ค. ที่วัดโสมนัส ศาลา 5 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากองทัพบก จัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศให้แก่กำลังพลและเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตในการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยปี 2553 จำนวน 7 นายโดยมี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานพร้อมด้วย พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ รอง ผบ.ทบ. พล.อ.เจริญชัย สินเธาว์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้ช่วย ผบ.ทบ.และ พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 ตลอดจนถึงผู้บังคับบัญชาหน่วยขึ้นตรง กองทัพบก และญาติของผู้เสียชีวิต ร่วมถึงกำลังพลที่ได้เคยได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ร่วมพิธี ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้เมื่อปี 2553 มีการชุมนุมยืดเยื้อของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อ
แดงขับไล่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในระหว่าง เดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 จนนำไปสู่การสลายการชุมนุมและเกิดการปะทะระหว่าง เจ้าหน้าที่ กลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมถึงกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ทราบฝ่าย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้ง ทหาร ตำรวจและ ผู้ชุมนุม หลายราย

ทั้งนี้ ผบ.ทบ. กล่าวกับกำลังพลที่เคยได้รับบาดเจ็บว่า ทุกฝ่ายก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คนใกล้ชิดบาดเจ็บและสูญเสีย และไม่อยากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา เพราะการใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรดี ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียน ทั้งนี้ กองทัพบก อยากจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กำลังพลที่เสียชีวิตมาหลายปีแล้ว แต่ติดสถานการณ์โควิด-19 เมื่อคลี่คลายจึงถือโอกาสจัดเป็นครั้งแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ กองทัพบก จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้กำลังพลที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ในสนาม ทั้ง ตามแนวชายแดน และ จากการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรีบบร้อยในการชุมนุม ในวันกองทัพบกเป็นประจำทุกปี ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีหลังเกิดเหตุการณ์ ที่กองทัพบกจัดทำบุญให้กับกำลังพลที่เสียชีวิตจากการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม ในโอกาสพิเศษ ซึ่ง ผบ.ทบ.ได้มีการจารึกชื่อบนโกศนายทหารสังกัดกองทัพบก ที่เสียชีวิต 7 นาย พร้อมมอบทุนให้กับครอบครัว

สำหรับทหารทั้ง 7 นายที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ประกอบด้วย พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม (ยศขณะนั้น), พลทหารภูริวัฒน์ ประพันธ์, ส.ท.อนุพงษ์ เมืองอำพัน, ส.อ.อนุพล หอมมาลี, พลทหารสิงหา อ่อนทรง, พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาระ, ส.อ. อนุสิทธิ์ จันทร์แสนตอ