เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 พ.ค.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ 100% ภายในเดือน ส.ค. เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ปลายปี 2565

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ตรวจเยี่ยมสวนป่าเบญจกิตติ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการปรับใช้พื้นที่อย่างเต็มศักยภาพซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับออกกำลังกายพักผ่อนของทุกคนแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ตลอดปี 2565 ของไทย

ต่อมาเวลา 12.40 น.พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะลงพื้นที่วงเวียนบางเขนเพื่อตรวจจุดระบายน้ำชั่วคราว โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาวันนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ปริมาณฝนตกมากกว่าประสิทธิภาพการระบายน้ำ ซึ่งกทม.ทำได้ในส่วนของตัวเองและที่เหลือรัฐบาลเติมให้ ที่ลงมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจ ถึงเวลาบางทีมันต้องเผชิญกับสถานการณ์ ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ปกติฝนตกที่ 50-60 มิลลิเมตรพอจะระบายทัน แต่เมื่อตก 100 มิลลิเมตร ระบายไม่ทัน

ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ หันไปหาเจ้าหน้าที่ว่าขณะนี้เตรียมการอะไรอยู่บ้าง เจ้าหน้าที่ตอบกลับว่า ตอนนี้กำลังเตรียมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 22 พ.ค. จากนั้นนายกฯ จึงกล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องเลือกตั้ง” ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ ผู้ว่าฯ ที่จะมาใหม่ตนก็ไม่รู้ว่าทำได้อย่างที่คุยหรือไม่ ในส่วนของ กทม. แม้มีงบประมาณของตัวเองทั้งหมดรัฐบาลต้องดูให้ แต่หากคิดว่าทำได้เองตนจะไม่เกี่ยว อย่างไรก็ตามต่อไปนี้สถานีสูบน้ำทั้งหมดต้องใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เครื่องสูบทุกสถานีต้องทำงานได้อย่าให้ไฟดับแล้วสูบไม่ได้ต้องไม่มีเด็ดขาด พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า “เรื่องเลือกตั้งผมไม่เกี่ยว มีเพียงสิทธิเดียวเท่านั้น เลือกตั้งไม่ต้องมาพูด”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยได้ให้รัฐมนตรีมหาดไทยมาด้วย มาร่วมดูแลมาช่วยตรงนี้ รวมถึง ปภ. ซึ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ดีเพราะถ้าไม่ร่วมมือกันก็ไปไม่ได้และจะต้องเตรียมแผนรองรับในอนาคตไว้ด้วย ซึ่งมีหลายวิธีการในการแก้ไขปัญหาและต้องลดความเสียหายและความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด นี่คือนโยบายของตนและรัฐบาลต้องฝาก กทม.อย่าทำอะไรคนเดียวถ้าไม่ไหวให้มาหารัฐบาล.