จากกรณีเมื่อ 30 พ.ย. 64 น.ส.สาสนา (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ได้แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ หลังจากถูกคนร้ายซึ่งเป็นชายรู้จักกันทางแอพพลิเคชั่น TiKToK อ้างเป็นอัยการได้มาหลอกลวงให้ร่วมลงทุนเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์มือสอง โดยเสนอผลตอบแทนเมื่อขายได้กำไรอย่างน้อยสัปดาห์ 2 คัน ก็จะได้กำไรประมาณ 150,000 บาท แบ่งส่วนแบ่งกันแล้วจะได้ประมาณ 30,000 บาทเป็นอย่างน้อย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปลงทุนด้วยกว่า 105,000 บาท ก่อนมารู้ภายหลังว่าถูกหลอกและไม่สามารถติดต่อชายคนดังกล่าวได้ จึงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว เพื่อติดตามจับกุมชายคนดังกล่าวมาดำเนินคดี

ขณะที่ผู้เสียหายเองก็ได้ทำการสืบค้นหาคนร้ายที่ก่อเหตุว่าเป็นใคร โดยการโพสต์ข้อความตามหาตัวคนร้ายในแอพพลิเคชั่น TiKToK ต่อมาได้มีชายอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อ จ.ส.อ.วุฒิพงศ์ สิอิ้น ซึ่งเป็นตำรวจ ปนพ. อยู่ที่นราธิวาส เสนอตัวช่วยเหลือในการติดตามตัวคนร้ายให้กับผู้เสียหาย โดยมีการขอข้อมูลคนร้ายไป และในวันต่อมาชายอ้างเป็นตำรวจ บอกว่าได้กลับมาที่บ้านเกิดในสกลนคร กำลังจะเดินทางมาที่กรุงเทพฯ เนื่องจากติดต่อคนร้ายได้แล้วและนัดหมายให้มาเจอกันที่ห้างเมกาบางนา ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ไปเป็นห้างแถวพระราม 9 และขอค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ผู้เสียหายได้โอนเงินไปให้ 3 พันบาท ก่อนชายอ้างเป็นตำรวจได้แจ้งกลับไปหาผู้เสียหายว่า คนร้ายที่อ้างเป็นอัยการได้แจ้งว่าถ้าอยากได้เงินให้ลงไปเอาเงินภูเก็ต ด้วยความที่ผู้เสียหายเริ่มไว้ใจชายอ้างเป็นตำรวจ จึงได้โอนเงินไปอีก 5 พันให้เป็นค่าเดินทาง

ต่อมาในวันรุ่งขึ้นชายอ้างเป็นตำรวจได้โทรฯมาบอกว่า คนร้ายที่อ้างเป็นอัยการได้เปลี่ยนแผนไปเป็นสถานที่แห่งหนึ่งไกลออกไป และขอค่าเดินทางเพิ่มอีก 5 พันบาท ต่อมาในวันที่ 22 พ.ย. 64 คนร้ายที่อ้างเป็นตำรวจได้แจ้งกลับมาว่าเห็นคนร้ายที่อ้างเป็นอัยการอยู่ในขบวนการโจรใต้และจับได้แล้ว พร้อมกับขอค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อเดินทางกลับมาเก็บสัมภาระที่สกลนครเพื่อกลับไปทำงานที่นราธิวาส โดยบอกว่าจะพาเพื่อนมาช่วยอีก 3 คน ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้อีก 21,000 บาท และวันที่ 27 พ.ย. 64 ชายที่อ้างเป็นตำรวจ ได้โทรฯมาอ้างขอค่าใช้จ่ายให้กับกองปราบปราม 15,000 บาท ต่อมาวันที่ 28 พ.ย. 64 อ้างว่ารถหม้อน้ำแตก ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินไปให้อีก 10,000 บาท ต่อมาในที่วันที่ 29 พ.ย. 64 ชายอ้างเป็นตำรวจได้แจ้งว่าได้นำตัวผู้ต้องหาที่อ้างเป็นตัวอัยการในคดีดังกล่าวมาที่ สภ.บางแก้ว แต่ตอนนี้ออกมาอยู่บิ๊กซีบางบอน อ้างว่าไม่ได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้ร้อยเวร เนื่องจากตำรวจที่ปัตตานีจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการฉ้อโกงตัวหลักได้แล้ว จึงต้องพาตัวกลับไป ผู้เสียหายเกิดความสงสัยจึงได้โทรศัพท์สอบถามร้อยเวรเจ้าของคดีเดิม สภ.บางแก้ว จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกอีกเป็นครั้งที่สอง จึงรวบรวมพยานและหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เป็นสองคดีเดียวกัน

โดยล่าสุดในช่วงเย็นของวันที่ 19 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายวุฒิพงศ์ สิอิ้น อายุ 29ปี ชาวจังหวัดสกลนคร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 32 /2565 ลงวันที่ 20 ม.ค. 65 ฐานฉ้อโกงแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดคามเสียหายแก่ผู้อื่น โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 53/2 หมู่ 6 ต.แร่ อ พังโคน จ.สกลนคร ก่อนคุมตัวกลับมายังโรงพัก สภ.บางแก้ว เพื่อให้ผู้เสียหายชี้ตัวยืนยัน ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.