สร้างปรากฏการณ์ “ชัชชาติแลนด์สไลด์” เข้าวินแบบสบายหายห่วงไร้กังวล เป็น “เดอะ วินเนอร์” นั่งชิลชิลเก้าอี้พ่อเมืองกรุง ได้คะแนนแบบม้วนเดียวจบ เรียกว่า “รัฐบาล” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีหนาวแน่ในสนามการเมืองใหญ่

แม้กลุ่มคู่แข่งฝ่ายอนุรักษนิยม ใช้ลูกไม้เดิมๆที่เคยปั่นกระแสสำเร็จในอดีต ใช้วาทกรรม “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” ปลุกผีต้าน “ระบอบทักษิณ” หรือยุทธศาสตร์แบ่งแยก “สีเสื้อ” และ “เชียร์ลุงทุกอย่างสงบจบที่ลุง” ช่วยขวาง แต่ก็จุดไม่ติด ต้องม้วนเสื่อลงเก็บ เพราะมุกแป้ก ปลุกไม่ขึ้น บวกกับอารมณ์คนเมืองกรุงไม่ได้คล้อยตามอีกต่อไป เพราะบริบทการเมืองเปลี่ยนไป ผู้สมัครแตกเป็นหลายขั้ว หั่นแต้มกันเอง ไม่มีใครยอมแบ่งแต้มใคร 

ต้องบอกว่าคะแนนที่ท้วมท้นของ “ชัชชาติ” เป็นสิ่งที่สะท้อนว่าคนกรุง “เบื่อลุง” ที่สะสมอำนาจมานานถึง 8 ปี ซึ่งระดับความเบื่อสะสมมาเป็นระยะ เรื่อยๆ จนบ่มเพาะมาถึงจุด “เบื่อถึงที่สุด” จนระเบิดออกมากลายเป็น การ “สั่งสอน” ด้วยการลงคะแนนตามวิถีประชาธิปไตย ให้ใจเทคะแนนท่วมปลุก พลังส้ม ให้ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ยืนอยู่ฝั่งขั้วตรงข้ามลุง และทหารมาตลอด มีคะแนนนำทิ้งห่าง “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” และ “สกลธี ภัททิยกุล” ไปไกล

อีกฟากผลเลือกตั้ง “ส.ก.” พรรคเพื่อไทย เอาชนะพลังประชารัฐ (พปชร.) ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค กวาดไปถึง 20 ที่นั่ง ทะลุเป้าชนิดถ้าเป็นมวยก็ต้องบอกว่าแพ้ราบคาบ พปชร.ได้ไปเพียง 2 เก้าอี้ ขณะที่พรรค “ส้มหวาน” 14 ที่นั่ง ด่านท้องถิ่นเมืองหลวงเป็นบททดสอบกระแสความนิยม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ดิ่งลงในสายตาคนกรุง

งานนี้พรรค พปชร.เหนื่อยหนัก ผลการหย่อนบัตรสนามเล็กล้มเหลวหนัก สะเทือนยาวถึงสนามใหญ่ ศึกเลือกตั้ง ส.ส.สมัยหน้า ถือเป็นโจทย์ให้นักการเมือง และพรรคการเมือง ตัดสินใจวางเกมทางการเมืองของตัวเองใหม่ โดยเฉพาะ “กลุ่มอนุรักษนิยม” หากยังแตกกันเองมีโอกาสที่จะพบเจอกับความพ่ายแพ้ ส่งผลให้ “บิ๊กตู่” อาจจบเห่แทบหมดที่ยืนแน่ เพราะเสียง “ขั้วประชาธิปไตย” เพิ่มเติมจาก “นิวโหวตเตอร์-คนรุ่นใหม่” บวกรวมกับฐานเสียงเดิมทำให้คะแนนนิยมปรับตัวสูงขึ้น

แม้ผลคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะไม่สามารถชี้วัดทิศทางการเลือกตั้งใหญ่ได้ทั้งหมด แต่สัญญาณอันตรายจากปรากฏการณ์ “ชัชชาติแลนด์สไลด์” ที่ออกมาเป็นบทพิสูจน์ทำให้ “ขั้วอนุรักษนิยม” ต้องปรับเกมใหม่กันทั้งขบวน แม้ยังไม่รู้ว่า “บิ๊กตู่”จะวางอนาคตทางการเมืองจะไปต่อ หรือพอแค่นี้ แต่หากยังต้องการรักษาอำนาจของตัวเองเอาไว้คงต้องเร่งปั่นแต้มสู้.