เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนาแนวทางการบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ผ่านบันทึกวีดิทัศน์ ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบ Online และ Onsite ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงหนึ่ง ยืนยันรัฐบาลพยายามผลักดันและขับเคลื่อนการตรา พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ขึ้น เพื่อกำหนดมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้สอดคล้องตามหลักการสากลที่ประเทศต่างๆ

จากน้ันเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมกิจกรรมเปิดตัวกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-PacificEconomic Framework: IPEF) ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)ที่ ตึกภักดีบดินทร์ทำเนียบรัฐบาล โดยมีประธานาธิบดีสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นร่วม โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันไทยยึดมั่นในระบบการค้าเสรีกับหลายประเทศ แต่ไม่เคยเข้าไปทำสงครามหรือเข้าไปสร้างความขัดแย้งอันสืบเนื่องมาจากการค้าแม้แต่ครั้งเดียว จึงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทั่วถึงนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและผลประโยชน์ของประชาชน

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการประชุมยืนยันช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจเติบโตได้ร้อยละ 2.2 ซึ่งปัจจัยสำคัญดูได้จากปัจจัยการใช้จ่ายของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.9 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากโครงการของรัฐบาล ส่งงบประมาณเข้าไปในการดูแลทั้งมาตรการคนละครึ่งเราเที่ยวด้วยกันและอื่นๆ หากมองเศรษฐกิจตอนนี้อยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างช้าๆ ไม่ถือว่าชะลอ หากเทียบเฉพาะ ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ซึ่งต้องรักษาสมดุลตรงนี้เอาไว้ให้ได้ เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ผู้ที่ทำงานจะมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยรัฐบาลมีความพยายามรักษาอัตราเงินเฟ้อ ให้ต่ำกว่า 5% ซึ่งก็มีคนเอาไปพูดไปบิดเบือนว่า เรามากกว่าเขา​ อะไรมากกว่าเขา เราอยู่ในกลุ่มที่ต่ำสุด แล้วเราจะต้องกำกับดูแลราคาสินค้าให้ได้มากที่สุด.