เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงผลการเลือกตั้งสนามผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ว่าต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ เพราะได้แสดงเจตจำนงมานาน ทำการบ้านมานานซึ่งต้องยินด้วย ในส่วนของ ส.ก.พรรคพลังประชารัฐ ต้องยอมรับว่าโดยกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และรัฐมนตรีของพรรคไม่สามารถลงไปช่วยหาเสียงได้ แม้ผู้สมัครสังกัดพรรคจริง จึงต้องอาศัยความสามารถของผู้สมัครซึ่งการเลือกตั้งใหญ่คนละพื้นที่กัน แต่การเลือกตั้ง กทม. ถ้ามีการเลือกตั้ง ส.ส.ก็จะมี 33 เขต ถือเป็น 10% ของ 200 เขต จึงจะมาวัดกันไม่ได้ คะแนนที่ออกมาชาวบ้านเลือกผู้ว่าฯ และอาจเลือก ส.ก.ที่คิดว่าน่าจะทำงานกับผู้ว่าฯ ได้ ดังนั้นอยู่ที่พื้นที่และบริบท อย่าไปคิดว่าเป็นแลนด์สไลด์อะไรใหญ่โต แต่เลือกตั้งครั้งหน้าถึงจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร

เมื่อถามถึงกรณีนายชัชาติ อ้างถึงคะแนนนิยมว่ามากกว่านายกรัฐมนตรี จะต้องมีการปรับอะไรหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เมื่อผลออกมาแล้วเขาพูดได้ ลองนายชัชชาติ ไปลงจังหวัดอื่นคงไม่ได้แบบนี้ถ้าทำในสิ่งที่หาเสียงไว้ได้ครั้งหน้าอาจได้คะแนน 2 ล้าน แต่หากทำไม่ได้คะแนนอาจเหลือ 2 แสน ดังนั้นอยู่ที่ว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่

เมื่อถามว่า ครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อการเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ เพราะ กทม.ถือเป็นฐานของพรรค นายสุชาติ กล่าวว่า มีแต่องค์ประกอบไม่เหมือนกัน มีองค์ประกอบบางส่วนมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นอยู่ที่ประชาชนตัดสินใจว่าประเทศชาติจะเดินทางไหน ตนยังเชื่อมั่นว่าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตี ยังไงภาพลักษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ยังดีกว่าหลายๆคนในความซื่อสัตย์สุจริตและการทำงานไม่ได้มีอะไรด่างพร้อย อาจถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างต้องยอมรับสถานการณ์ ถามว่าใครเคยมาเจอปัญหาแบบโควิดแบบนายกฯ บ้าง

“ใครเป็นนายกฯ ในสถานการณ์โควิดยากเย็นแสนเข็ญ ทั้งวิกฤติซ้อนวิกฤติ เพราะต้องเจอสงครามรัสเซีย-ยูเครนอีก จึงขอย้อนถามกลับตั้งแต่นายกฯ ที่เป็นกันมา มีใครเคยเจอ 2-3 เหตุการณ์พร้อมๆ กันบ้าง ไม่มี เราจึงต้องมองภาพอย่างเป็นกลางด้วย มองว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่ใช่แลนด์สไลด์อะไรทั้งสิ้น ถ้าเขามาลงบ้านผมแล้วชนะ แบบนี้สิน่าคิดขอยินดีกับทุกคนที่ได้ ขอให้ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อประชาชนชาว กทม. เลือกแล้วก็ทำตามที่หาเสียงไว้ เพราะคนเราคำพูดเป็นนาย หาเสียงอะไรไว้ต้องทำให้ได้ ทำไม่ได้เลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนก็ลงโทษ ถ้าทำได้แบบที่พูดคะแนนก็อาจทวีคูณ มันต้องดูกันยาวๆ แต่การเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเกิดขึ้นมันระยะเวลาอีก 1 ปี เราต้องทำการบ้านเป็นปกติ เอามาวิเคราะห์ และยังเชื่อมั่นศักยภาพของ ส.ส.กทม. แต่ต้องไม่ประมาท เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ทุกอย่างประมาทไม่ได้” นายสุชาติ กล่าว

เมื่อถามว่า ห่วงว่ากระแสจะพลิกขั้วหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า คนพูดเรื่องนี้มีบ้าง แต่ก็มีคนรักลุงก็เยอะ คนเราไม่ชอบก็แสดงออกเลย แต่เวลาไม่ชอบเก็บไว้ในใจแล้วเข้าคูหาจะรู้ได้อย่างไรว่าเลือกใคร

นอกจากนี้ นายสุชาติกล่าวถึงกรณี นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ร่วมทานข้าวกับนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า นายพิเชษฐ คุยกับตนก่อนแล้ว และการไปกินข้าวเป็นเรื่องปกติ และส่วนตัวเชื่อพรรคเล็ก ยังสนับสนุนรัฐบาล เสียงรัฐบาลเหนียวแน่น.