จากกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องกับ กกต. เพื่อขอให้มีการไต่สวนสอบสวน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กรณีทำป้ายหาเสียงเป็นผ้าไวนิล มีเจตนาแฝงเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถนำไปรีไซเคิลเพื่อทำ “กระเป๋า-ผ้ากันเปื้อน” อันเป็นการกระทำเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองด้วยวิธีการ จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้หรือไม่อย่างไร แต่ภายหลังฝ่ายทีมงานของ ชัชชาติ ได้ชี้แจงว่า เรื่องการรีไซเคิลป้ายนั้นได้แจ้ง กกต.ไว้แต่แรกอยู่แล้ว ว่าจะเอาป้ายหาเสียงกลับมาใช้ประโยชน์กับทีมงานเท่านั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ในเฟซบุ๊ก “ศรีสุวรรณ จรรยา” ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า “…ก่อนหน้านี้ท่านชัชชาติพูดโพสต์และอธิบายมาโดยตลอดว่า ทางทีมงานเพื่อนชัชชาติ ไม่อยากให้ป้ายเหล่านี้กลายเป็นขยะหลังการเลือกตั้ง เราทำ Pattern ไว้ เพื่อเราสามารถเก็บกลับมา นำไปตัดและเย็บกระเป๋า หรือผ้ากันเปื้อน ไว้ใช้ต่อในทีมของเราเองได้เลยในอนาคต ซึ่งเราท้วงติงมาโดยตลอด ว่าทำ Pattern ไว้เยี่ยงนี้ (ซึ่งผู้สมัครคนอื่น ๆ ไม่มีใครทำ) อาจถือได้ว่าเป็นการทำให้ หรือสัญญาว่าจะให้ อันส่อไปในทางฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งฯ 2562 ซึ่งพอปิดหีบเลือกตั้งปั๊บ ก็เป็นไปตามคาด มีคนมากรีดเอาป้ายหาเสียงของท่านจนหมดภายในเย็นค่ำของวันเลือกตั้ง แต่ทว่าท่านกลับปล่อยให้ผู้คนซึ่งก็คือผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาเอาป้ายหาเสียงของท่าน ที่ถือว่าเป็นทรัพย์สินของท่านไปตัดเย็บทำกระเป๋า-ผ้ากันเปื้อนตาม Pattern ที่ท่านกำหนดไว้ โดยที่ท่านมิได้ออกมาปกป้องสิทธิในทรัพย์สินของท่านแต่อย่างใด

การให้ลิ่วล้อทั้งหลายมาประโคมข่าวว่าห้ามเอาป้ายไป หากเอาไปแล้วขอให้ส่งคืนตามที่อยู่ที่ได้เตรี้ยมกันไว้นั้น มันไม่แนบเนียนครับ คน กทม.ที่มีสิทธิเลือกตั้ง 4.4 ล้านคนเขาไม่ได้กินแกลบ กินหญ้านะครับ ผมรอจนจะครบ 3 วันแล้ว ไม่เห็นท่านไปแจ้งความดำเนินคดีเอากับคนลักขโมยป้ายหาเสียงของท่านไปเลย เยี่ยงนี้จะให้คิดเป็นไปอย่างอื่นมิได้ นอกจากที่พูดโพสต์อธิบายมาก่อนหน้านี้ คือ การเสแสร้งแกล้งทำ งั้นเดี๋ยวเจอกัน!!…”

ภายหลังจากข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่าชาวเน็ตต่างเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง จนเสียแตกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่ายแรกไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นายศรีสุวรรณทำอยู่ หากสงสัยก็ควรแจ้งเรื่องแล้วปล่อยให้เป็นอำนาจของ กตต.ตรวจสอบ รวมทั้งแนะนำว่าให้ นายศรีสุวรรณ กลับไปตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลตามนโยบายต่าง ๆ ด้วย ว่าจนถึงตอนนี้สามารถทำตามกล่าวอ้างไว้ได้บ้างหรือยัง ขณะที่อีกฝ่ายสนับสนุน นายศรีสุวรรณ ว่าได้ทำถูกต้องแล้ว.