เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 25 พ.ค. ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางการเมือง ที่พรรคฝ่ายค้านสนใจว่าผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไร เพราะร่าง พ.ร.บ.งบฯเป็นกฎหมายสำคัญ ถ้าสภาไม่ให้ผ่านจะส่งผลต่อตัวนายกฯและรัฐบาล ซึ่งมี 2 ทางเลือก คือไม่ยุบสภาก็ต้องลาออก ส่วนจะมีเงื่อนไขนั้นหรือไม่เป็นประเด็นที่ฝ่ายค้านได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้มาโดยตลอด ว่าสภาจะอนุญาตให้นายกฯบริหารงบประมาณปี 66 หรือไม่ ส่วนพรรครวมฝ่ายค้านได้ดูเนื้อหาสาระของแผนงานงบประมาณ ซึ่งมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

เมื่อถามว่า หากร่าง พ.ร.บ.งบฯไม่ผ่านสภา จะกระทบกับประชาชนหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า บทบัญญัติทางรัฐธรรมนูญเขียนไว้ ว่าแม้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ จะไม่ผ่าน ก็สามารถใช้งบประมาณเดิม คือ พ.ร.บ.งบฯ 65 ไปพลางก่อน เว้นแต่เป็นเรื่องงบลงทุนที่จะสร้างใหม่ ดังนั้นแผนงานโครงการต่างๆที่เป็นเรื่องประจำสามารถทำได้ต่อ แต่ไม่อนุญาตให้เอาไปลงทุนในสิ่งที่เห็นว่าไม่ชอบ ถ้าหากปล่อยไปอาจจะกระทบต่อพี่น้องประชาชนมากกว่า นี่เป็นทางเลือกที่จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะการไม่ให้ผ่านอาจจะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่า แล้วปล่อยให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาจัดสรรงบประมาณแทน

เมื่อถามถึงกรณีพรรคเศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหาภายในพรรค จะดึงเข้ามาเป็นแนวร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่าตนมองว่าปัญหาในพรรคเป็นมิติทางการเมือง ส่วนสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะอะไร ประชาชนคงต้องติดตามว่าทำไมถึงไปด้วยกันไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสมมติฐานที่ตนตั้งขึ้นว่า เกิดจากการสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้หรือสนับสนุนนายกฯคนนี้ ก็ต้องมาดูว่า สิ่งที่พรรคดังกล่าวแสดงจุดยืนออกมา จะมาในทิศทางการเมืองที่ฝ่ายค้านมุ่งหวังหรือไม่อย่างไร แต่ถ้ามีความชัดเจนในตัวเองที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล จะไม่เป็นฝ่ายค้านก็ได้ จะเป็นฝ่ายที่ต้องการตรวจสอบรัฐบาล หรือฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจ หรือไม่อนุญาตให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ต่อ จะเรียกว่าอะไรก็ได้ ส่วนจะดึงมาร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบสั้นๆว่า “ไม่ต้องดีล เขามาเอง”