เป็นอีกหนึ่งสาวที่สุดเพอร์เฟกต์ทีเดียว สำหรับสาวผิวออร่า เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า ที่ผลงานแจ้งเกิดตั้งแต่ก้าวแรกของการเข้าวงการ กับดีกรีเจ้าของตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2547 รวมถึงหลากหลายผลงานละครที่ดังเปรี้ยง ทั้งแนวดราม่า แนวตลก แนวเบาสมอง มีครบถ้วนทุกแนว นับได้ว่า สาวเกรซ เป็นอีกคนที่รักษามาตรฐานและคุณภาพของฝีมือการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม ล่าสุดเธอมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ Club Friday Show โดยได้มาเปิดเรื่องราวในชีวิตตอนรักกับหนุ่มฮอต ก้อง กรุณ ตอนคบกันก็ดัง ตอนเลิกกันก็ดัง จากความรักแบบแฟนกลายมาเป็นพี่น้อง พร้อมเผยช่วงโสดมีคนเข้ามาคุยถึง 7 คน

เกรซ เผยว่า “ตอนพี่ก้องฮอตจัดเลยค่า (หัวเราะ) ตอนนั้นเขาติดเราจริง ไม่มาสักวันหนึ่งไม่ได้เลยมั้งเหงา ความรู้สึกของแฟนมันหมดลงไป จนมาเป็นความรู้สึกของพี่น้องแทน บางทีเราทะเลาะกัน มันเป็นความรู้สึกที่ค่อยๆ บั่นทอนกันไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเรารู้สึกว่าเราก็ยังรักเขาอยู่นะ แต่เรารักเขาแบบพี่ชาย เกรซเป็นคนไม่เยอะนะ เป็นคนเต็มที่กับความรักอยู่แล้ว ไม่เคยเล่น จริงจังเสมอ (หัวเราะ) ไม่เคยมีบริหารเสน่ห์นะคะ คำว่าสโนไวท์กับคนแคระทั้ง 7 อุ๊ย!! แรงมาก คือฉายาที่เพื่อนตั้งให้คือ มันเป็นช่วงที่เลิกกับพี่ก้องแหละค่ะ ค่อยๆ มีคนเข้ามาคุย จนถึงช่วงที่ประมาณ 7 คน เพื่อนสนิทก็เลยตั้งให้เรียกเลย สโนไวท์ ยิ่งเราให้อภัย เราจะยิ่งคาดหวัง แล้วมันจะยิ่งเจ็บขึ้นเรื่อยๆ เราก็เลยรู้สึกว่าเราแบบเราพอเถอะเหมือนเรามีโมเมนต์ที่เราต้องใช้สมองบ้าง บางทีเราใช้ใจอย่างเดียวเราสู้มากจนแบบเราหันมาดูตัวเองอีกครั้ง สะบักสะบอมไม่ไหวแล้ว มันเจ็บจนวันหนึ่งเรารู้สึกว่า เอาล่ะ เราต้องพอแล้วเราต้องรักตัวเองแล้ว”

“ความรักเจ็บปวดที่สุด คือตีสี่ โทรศัพท์โทรฯ เข้ามาแต่ไม่ใช่เสียงแฟนค่ะ เป็นเสียงผู้หญิงค่ะ คือ เหมือนอยู่ด้วยกันสองคนประมาณนั้น โทรศัพท์ลั่นหรือเปล่าไม่รู้ เอาจริงๆ ไหมคะ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้คำตอบมันเป็นอย่างไรตอนนั้น โคตรทรมานเลยค่ะ เราคิดว่าอะไรเนี่ยยิ่งกว่าในละครอีกหลังจากที่ เกรซ โทรฯ หาแล้วเขาไม่รับ ก็โทรฯ อีกเป็น 10 สายเลย ของมันขึ้นไม่ไหวแล้วฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ในใจมันแตกสลายแล้วเต็มไปด้วยคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้น เรื่องตรงเวลาคือนัดเที่ยงต้องเป็นเที่ยง เพราะว่าหนูต้องกินข้าวตอนเที่ยง เราจะไม่กินข้าวตอน 11.45 น. หรือตอนเที่ยงครึ่ง เพราะเราจะกินข้าวตอนเที่ยงตรง คือ ดำน้ำก็ต้องดำน้ำ นอนตั้งแต่สี่ทุ่มแล้วต้องตื่นหกโมงเช้าตีห้า เพื่อตื่นไปดำน้ำเอาแสงแรกที่น้ำใสที่สุด ในช่วงนั้น กินยาก อยู่ยาก นอนยากค่า นอนก็ต้องแบบมืดสนิทมีอะไรโผล่ขึ้นมานิดนึงก็ไม่ได้ แล้วเสียงก็คือห้ามมีเสียงอะไรเลยสักนิดเดียว คือมีเสียงนิดเดียวเราก็ตื่นแล้ว เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนคือยากมาก”