เมื่อวันที่ 26 พ.ค. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบผู้นำแอคเคานท์ของแตงโม นิดา ดาราสาวที่เสียชีวิต ไปโพสต์รูปภาพและข้อความว่า ขณะนี้มีการออกหมายเรียกนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม มาให้การในฐานะพยาน หลัง กระติก อิจศรินทร์ ผู้จัดการและเพื่อนรักแตงโม เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กของแตงโม โพสต์ภาพและข้อความทำให้กระติกได้รับความเสียหาย ซึ่งจากข้อมูลพบว่า มือถือของแตงโม ได้ส่งมอบคืนให้กับคุณแม่ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. และคุณแม่ไปรับด้วยตัวเองที่ สภ.เมืองนนทบุรี จึงจำเป็นต้องเรียกคุณแม่มาสอบปากคำ ในประเด็นที่แม่ส่งมือถือไปให้บังแจ็ค ว่าส่งไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพื่ออะไร โดยนัดหมายให้เข้ามาพบในวันที่ 2 มิ.ย. ซึ่งขณะนี้ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ประสานมาเพื่อจะมาเข้าพบตามวันเวลาที่นัดหมายแล้ว และได้พูดคุยกับ ส.ส.เต้ ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเพื่อขอให้ทบทวนว่าบังแจ็คมีใบอนุญาตหรือไม่ เป็นเจ้าหน้าที่หรือไม่ เพราะหากเอาสิ่งที่บังแจ็คทำ จะนำมายืนยันได้หรือไม่

“อย่าไปเชื่ออะไรมาก เพราะมันไม่ใช่ละคร แต่มันคือคดีจริงๆ ต้องผ่านเจ้าหน้าที่ที่กฎหมายรับรองเท่านั้น ถึงบังแจ็คจะส่งหลักฐานอะไรมา ผมก็ไม่เซ็นรับรองให้” ผบช.สอท. กล่าวและว่า ในส่วนแม่แตงโม จะเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดในการเผยแพร่ภาพถ่ายและภาพลับของแตงโมหรือไม่นั้น ต้องรอฟังคำให้การของแม่ก่อน เพื่อดูว่าบังแจ็คไปทำเกินเหตุหรือไม่ หรือทำตามคำสั่ง พร้อมยืนยันไม่ออกตัวเข้าข้างคุณแม่ แต่หากบังแจ็คทำเกิน ก็ถือว่าทำงานนอกเหนือคำสั่ง แต่หากทำตามคำสั่ง ก็อาจจะเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดได้ ซึ่งจะต้องดูเจตนาของแม่คราวนี้ก่อน ทั้งนี้ยืนยันว่า หากแม่ไม่มาให้ปากคำก็ไม่กระทบต่อรูปคดี เพียงแต่ต้องการให้มาให้ข้อเท็จจริงเพื่อให้สิ้นกระแสความ

ทั้งนี้กรณีที่แม่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็ค แล้วอ้างว่าให้ทนายเดชาเก็บไว้และเก็บไว้เองนั้น หากพูดตามตรงก็ถือเป็นการโกหก แต่ยังไม่ถึงกับการเป็นคดี เพราะเป็นสิทธิส่วนตัว อาจมีความจำเป็นที่จะต้องโกหก เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง ดังนั้นจึงต้องขอฟังคำให้การของคุณแม่

‘บิ๊กแจง’ ท้า ‘บังแจ็ค’ กลับไทย ลั่นตร.ไม่แพ้ชาติไหน ถ้ารู้ต้องอ้าปากค้าง

ส่วนการดำเนินคดีบังแจ็ค วันพรุ่งนี้จะมีสอบปากคำพยานเพิ่มอีก 1 ปาก ซึ่งเป็นพยานที่รู้เห็นเกี่ยวกับการรู้เห็นภาพลามก ที่บังแจ็คส่งต่อ แม่ว่าจะเป็นการส่งให้ส่วนตัว หรือส่งต่อเพียงคนเดียว แต่ก็เข้าข่ายเผยแพร่สื่อลามกอนาจาร ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย โดยหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้น ก็สามารถออกหมายจับได้ และเมื่อผู้ต้องหาอยู่ในต่างประเทศตามขั้นตอน ก็จะยื่นตำรวจสากลออกหมายแดง เรื่องจากบังแจ็คมีถิ่นพำนักอยู่ในอเมริกา และเข้าสู่กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ยืนยันว่า ทุกหน่วยพร้อมที่จะช่วยเหลือเรา แต่ต้องดูความสำคัญของคดีด้วย ซึ่งจะต้องให้สิทธิประเทศสหรัฐอเมริกา

“ฝากถึงบังแจ็ค อย่าดูถูกตำรวจ อยากให้บังแจ็คเดินทางมาประเทศไทย แล้วเห็นเอกสารในมือตนเอง แล้วคุณจะรู้ว่าตำรวจไทยไม่ธรรมดา ถิ่นที่อยู่คุณผมมีหมด ที่คุณโพสต์ผมมีข้อมูลหมด มือถือที่คุณโพสต์ผมก็มีหมด เครือข่ายที่คุณโพสต์ผมก็มีหมด วันเวลาที่คุณโพสต์ผมก็มีหมด ดังนั้นขอร้องว่า ให้เคารพสิทธิของแตงโมด้วยอย่าพูดอะไรเพ้อเจ้อ อย่ามองว่าตัวเองดีตัวเองดี แล้วว่าตำรวจไทยไม่เก่ง ถ้าเก่งจริงให้มาเมืองไทย ผมรออยู่ ตำรวจไซเบอร์พร้อมเสมอ อเมริกาเองก็ไม่เอานะครับ ประชากรที่สร้างแต่ปัญหา เห็นมีปัญหาเยอะแยะเลย” ผบช.สอท. กล่าว

ส่วนกรณีการปิดเพจของแตงโมนั้น ขณะนี้มีประสานเฟซบุ๊กประเทศไทย ร่วมไซเบอร์ประสานกับฝ่ายป้องกันอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ภายใต้สังกัดของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ยื่นเรื่องขอให้ปิดเพจทั้งหมด เนื่องจากผู้ที่ถูกกล่าวอ้างคือแตงโม เสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเฟซบุ๊กของแตงโม มีการโพสต์ที่อเมริกา และมีการล็อกอินในอเมริกา นั่นหมายความว่า คนที่ล็อกอินได้ต้องรู้พาสเวิร์ด ซึ่งบังแจ็คได้ทั้งเครื่องได้ทั้งพาสเวิร์ดแล้ว.