เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 26 พ.ค. ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำในกรุงเทพมหานคร หลังจากศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว “ตะวัน” น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมอิสระ วัย 20 ปี ที่อดอาหารเรียกร้องสิทธิประกันตัวในเรือนจำ หลังถูกศาลอาญาเพิกถอนประกันในคดี ม.112 ได้มีมวลชนที่ทราบข่าวมารอรับที่บริเวณหน้าเรือนจำกว่า 50 คน จนถึงเวลา 17.00 น. พ่อและแม่ของตะวัน ได้นำรถเก๋งส่วนตัวเข้ามารับตัวตะวันที่เรือนจำ ท่ามกลางมวลชนที่มารอรับต่างแสดงความยินดี และอวยพรขอให้สู้ๆ สุขภาพแข็งแรง

โดยก่อนจะมีการปล่อยตัวได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น เมื่อนายคเณศพิศณุเทพ จักรภพมหาเดชา หรือ “เค100ล้าน” ได้เข้ามาป่วน ทำให้มวลชนไม่พอใจได้กรูเข้าจะทำร้าย และขับไล่ แต่เจ้าหน้าที่ได้พยายามห้ามและกันตัวนายเคให้ออกจากหน้าเรือนจำ และออกจากบริเวณเรือนจำไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน โดยได้เบิกตัว นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.ขอประกันตัว และศาลไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พิจารณาแล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 100,000 บาท

ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของนายพิธาผู้ร้อง ขอปล่อยชั่วคราวและจำเลย ประกอบคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแล้วเห็นว่า ผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราวรับรองและยืนยันว่าจะเป็นผู้กำกับดูแลจำเลยไม่ให้ทำผิดเงื่อนไขตามที่ศาลกำหนด ทั้งแสดงความรับผิดชอบว่า หากจำเลยผิดเงื่อนไขผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราว ยินยอมรับผิดตามที่ศาลเห็นสมควร ประกอบ กับจําเลยรับรองว่าจะไม่ทําผิดเงื่อนไขที่ศาลกําหนดอีกดังเช่นที่เคยผิดเงื่อนไขมาแล้ว และไม่ขัดข้องที่ศาลจะกำหนดเงื่อนไขในการติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งการ จำกัดเวลาในการอยู่ในเคหสถาน

แสดงว่าจำเลยรู้สึกสำนึกถึงการกระทำผิดเงื่อนไขในครั้งก่อนมาพอสมควรแล้ว ประกอบกับผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราวเป็นผู้ที่น่าเชื่อถือว่าจะกำกับดูแลและควบคุมจำเลยได้กรณีจึงมีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมีกำหนด 1 เดือน นับแต่วันนี้โดยกำหนดเงื่อนไขให้จำเลยติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องติดตามตัว (กำไล EM) ห้ามจำเลยออกนอกเคหสถานตลอดระยะเวลาที่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เว้นแต่เป็นกรณีเจ็บป่วยหรือได้รับอนุญาตจากศาล หากเป็นกรณีเจ็บป่วยให้แสดงหลักฐานทางการแพทย์ต่อศาลภายใน 3 วัน ห้ามจำเลยกระทำการในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาหรือเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามจำเลยกระทำการใดๆ ในอันที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือเกิดความกระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามจําเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยตั้งนายพิธา เป็นผู้กำกับดูแลความประพฤติของจำเลย มีอำนาจในการว่ากล่าวตักเตือนและควบคุมมิให้จำเลยกระทำผิดเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัด หากมีการกระทำผิดเงื่อนไขถือว่าผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราวผิดสัญญาประกัน

ขณะที่ นายกฤษภางค์ ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลไต่สวนนายพิธา และ น.ส.ตะวัน แล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยเหตุผลว่านายพิธา มีความน่าเชื่อถือและเป็นคนที่สามารถกำกับดูแลให้เป็นไปตามเงื่อนไขได้ แต่ว่าคำสั่งของศาล เป็นการปล่อยชั่วคราวภายในระยะเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นค่อยมารายงานตัวและฟังคำสั่งประกันต่อไป นอกจากนี้ห้ามออกนอกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นจะไปเรียนหนังสือ หรือไปรักษาพยาบาล จะต้องแจ้งขออนุญาตต่อศาลภายใน 3 วัน ส่วนเงื่อนไขเดิมคือห้ามไปกระทำการเคลื่อนไหวให้เกิดควาเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ และไปกระทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

เมื่อถามว่า น.ส.ตะวัน จะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลตลอดเวลา 1 เดือนได้หรือไม่ นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ทั้ง น.ส.ตะวัน และพ่อแม่ที่เดินทางมาด้วยก็มีความมั่นใจ ซึ่งศาลได้สอบถามเจ้าตัวและพ่อแม่แล้วตอบว่าสามารถปฏิบัติตามได้ จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งเราได้ทำเรื่องประกันตัว โดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของนายพิธา