วันที่ 26 พ.ค. ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย คณะทำงานด้านกฏหมาย ติดตามคดีแตงโมของ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ได้ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ซึ่งระหว่างออกรายการ ทนายกฤษณะ กล่าวถึงกรณีทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประกาศถอนตัวในคดีแตงโม ว่า เมื่อเช้านี้ พอรู้ข่าวก็ตกใจพอสมควร จึงอยากจะพูดคุยกับทีมงานอีกครั้งหนึ่งว่า แนวทางหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อ ส่วนแนวทางเดิมที่เคยดำเนินไปแล้วก็ยังคงยึดมั่นในจุดยืนต่อไปอยู่ ด้านของ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ก็ให้เขาดำเนินการในส่วนของเขาไป ให้เขาเป็นที่ปรึกษาของคุณแม่แตงโม ส่วนตนเป็นหัวหน้าทีมกฎหมายของพรรคไทยศรีวิไลย์ จะเดินหน้าในส่วนนี้มากกว่า ทั้งนี้เราเห็นตรงกันเรื่องจุดตกของแตงโม ตอนจบกับคุณแม่ครั้งแรก ตอนนั้นก็น้อยใจนิดหน่อย แต่ตนจะพยายามมองบวก จะนำประสบการณ์ที่เจอมานำมาแก้ไข และตนจะไม่โกรธคุณแม่ เพราะนับถือเหมือนแม่คนที่สอง ตนเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ว่าท่านขาดอะไร ตนมองว่าการที่คุณแม่ปลดเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ตนกลับมาพิจารณาตนเอง

ก่อนเข้ารายการได้คุยกับคุณแม่แล้ว คุณแม่ไม่ได้โกรธตน ตั้งแต่คลุกคลีกับคุณแม่ จึงให้ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ ดำเนินการด้านกฎหมาย ทั้งนี้ไม่เคยทราบเรื่องที่คุณแม่นำโทรศัพท์ให้บังแจ็คเลย รู้เพียงว่าคุณแม่นำโทรศัพท์ให้กับพนักงานสอบสวนเท่านั้น

กรณีของบังแจ็ค เมื่อวันที่ 24 พ.ค. บังแจ็คเคยโทรฯ หาตน โดยบอกว่าได้คุยกับ โม อมีนา เพื่อนสนิทของแตงโม และได้อธิบายเรื่องราวต่างๆ ทาง โม อมีนา ก็เข้าใจ เลยโทรฯ มาแจ้งตน ส่วนเรื่องโพสต์ต่างๆ เขาก็ยอมรับกับตนว่าเป็นคนทำ และเขาบอกว่าจุดประสงค์ของเขา ทำเพื่อต้องการช่วยคุณแตงโม ส่วนเรื่องเสียหายของบังแจ็ค ตนขอไม่แสดงความคิดเห็น เพราะข้อมูลตอนนี้ ออกมาแค่ฝ่ายเดียว ในฐานะทนายจึงขอให้อยู่ในดุลพินิจก่อน

ด้าน นายบัญชา สุชญา เจ้าของเพจ “ทนายอู๋สู้คดีเคียงข้างคุณ” เผยเรื่องการจัดตั้งทนายชุดใหม่ของคุณแม่ว่า จะมีแถลงข่าวอย่างแน่นอน ในส่วนของการฟอร์มทีมขอแยกทีละส่วน ส่วนแรกคือ ที่ทนายเดชา ออกมาเปิดเผยว่า ถอนตัวจากการเป็นทนายความของคุณแม่แล้ว ท้ายที่สุดการตัดสินใจต้องขึ้นอยู่กับคุณแม่ ซึ่งตอนนี้คุณแม่ยังไม่ได้ออกมาพูดอะไร เพียงแต่ทนายเดชาออกมาพูดเองก่อน หลังจากนั้นค่อยมาดูกันว่าพรรคไทยศรีวิไลย์ จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งต้องมีการแต่งตั้งอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เมื่อถึงจุดนั้นจะทำให้เรื่องนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังมีทีมของนายอัจฉริยะอยู่ ที่จะทำงานร่วมกัน โดยมีทนายความที่จัดตั้งเข้าไปในสำนวนเป็นทนายความหลัก

นายบัญชา ให้ความเห็นต่อไปว่า คดีนี้เป็นคดีที่ใหญ่และมีความซับซ้อน หากฟ้องเองโดยตรงไปยังศาล จะต้องมีทีมรวบรวมพยานหลักฐาน เสมือนเป็นพนักงานสอบสวน และทนายที่จะฟ้องไปในชั้นศาล เสมือนเป็นพนักงานอัยการ ซึ่งทนายจะทำหน้าที่ฟ้องเองทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าศาลจะรับฟ้อง จะต้องมีการไต่สวน หากวันนี้จะกล่าวว่า คุณแม่จะให้ใครเป็นผู้ดูแลคดีนั้น ยังตอบไม่ได้ จะต้องได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียก่อน

สมมติมีแต่งตั้งอย่างเป็นกิจจะลักษณะแล้ว คำถามที่ว่าจะเดินหน้าฟ้องเองหรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้ จะต้องดูหลักฐานที่อัจฉริยะรวบรวมมาทั้งหมดก่อน เพราะวันนี้ทุกคนมีความเชื่อร่วมกันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน ซึ่งการเดินหน้าต่อนั้นหลักฐานตรงนี้จึงสำคัญ ซึ่งจะเป็นส่วนหลักในการตั้งสำนวนขึ้นมาใหม่ว่า เป็นฆาตกรรมอำพราง แต่การจะบอกว่าเป็นฆาตกรรมอำพรางเลยนั้นก็ยังเร็วไป จะต้องรวมข้อมูลจากหลายองค์ประกอบทั้งจากนายอัจฉริยะ จาก พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ รพ.พระมงกุฎเกล้า จาก พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ และอาจต้องมีนักกฎหมาย ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ โดยทางพรรคตั้งใจว่าอาจเป็น นายชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษา ดังนั้นตอนนี้หากสรุปว่าทนายเดชา จะไม่เป็นทนายของคุณแม่แล้ว และทางทีมของตนจะเข้าไปแทนนั้น อาจจะยังสรุปไม่ได้ จนกว่าคุณแม่จะออกแถลง และจัดตั้งอย่างเป็นทางการ

นายบัญชา ยังกล่าวขอบคุณ ทนายเกิดผล แก้วเกิด ในความห่วงใย และอธิบายว่ากรณีของบังแจ็คนั้นยังไม่ได้พูดชัดทีเดียวว่าจะมาเป็นทีม แต่ตนกำลังพยายามจะหาหลักฐานจากบังแจ็ค เพราะขนาดมือถือส่วนตัวของคุณแตงโมยังตกไปอยู่ในมือบังแจ็คได้ และก่อนหน้านี้มีกรณีผ้าสีขาว ซึ่งหากว่าผ้าผืนนั้นเป็นของคุณแตงโมจริงๆ เช่นเดียวกันกับมือถือแล้ว จะทำให้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองอีกครั้ง นอกจากนั้นบังแจ็คยังมีข้อมูลการติดต่อกับตัวละครสำคัญหลายตัวที่น่าสนใจ ซึ่งเราพยายามที่จะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาปะติดปะต่อให้เกิดหลักฐานในการตั้งสำนวนขึ้นมาใหม่อย่างที่เคยเอ่ยไปเท่านั้น

ท้ายสุดมีคำถามชวนให้คิดไว้ว่า ระหว่างหลักฐานบังแจ็ค กับคำพูดจากปากของ 5 คนบนเรือนั้น จะเลือกเชื่อใคร ตอนนี้มือถือของคุณแตงโมไปอยู่ที่บังแจ็คแล้ว ซึ่งอาจจะยังมีข้อมูลที่ยังไม่เผยออกมาก็ได้ ส่วนตัวแล้วมองว่าอย่างน้อยก็เป็นหลักฐานชุดประจักษ์ที่น่าเชื่อถือได้มากกว่าเพียงแค่คำพูด

ขณะเดียวกัน ทนายเกิดผล แก้วเกิด มองประเด็นนี้ว่า บังแจ็ค เท่าที่ทราบ มีประวัติไม่ดีเท่าไหร่ ไม่มีความน่าเชื่อถือ ถามว่าวันนี้ หวังดีจริงหรือเปล่า หาผลประโยชน์หรือเปล่า ที่ผ่านมาคำพูดของบังแจ็ค อาทิ เรื่องผ้าสีขาว ถามว่าทุกวันนี้ ส.ส.เต้ ได้รับผ้าสีขาวไว้พิสูจน์หรือยัง และสิ่งที่บังแจ็คได้เป็นหลักฐานนั้นชัดเจนแค่ไหน ดังนั้นพรรคไทยศรีวิไลย์และทีมกฎหมายต้องกลั่นกรอง มิใช่ว่าบังแจ็คพูดอะไรแล้วจะต้องเชื่อเสมอไป ส่วนตัวแล้วตนไม่เชื่อบังแจ็คเลย และไม่เชื่อเลยว่าภาพและวิดีโอต่างๆ ที่บังแจ็คนั้นได้มาอย่างสุจริต เพราะถ้าได้มาโดยสุจริตจริง สิ่งที่เผยออกไปจนเกิดผลเสียกับคุณแตงโมนั้น บังแจ็คทำไปเพื่ออะไร

ประเด็นเรื่องโพสต์ส่วนตัว “…ต้องเกลียดลูกขนาดไหน …ถึงทำร้ายลูกได้ขนาดนี้” ตนยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์เอง และยอมรับว่าเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพ เพราะตนไม่นับถือ เนื่องจากคนรักลูกจริง คนเป็นแม่ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของลูก ลูกตายไปแล้วต้องรักลูกจนวันตาย ให้สมกับพูดที่ว่าอยากให้ลูกเกิดมาในชาติหน้าเป็นลูกแม่อีก อยากถามว่าถ้าลูกรู้เช่นนี้ เขาจะอยากเกิดใหม่หรือไม่ และเท่าที่ทราบมา ล่าสุด บังแจ็คเผยว่า ทุกภาพ ทุกรูป คุณแม่อนุญาต ตนจึงสงสัยว่า รวบทั้งคลิปวิดีโอที่ไม่เหมาะสมด้วยหรือไม่ ซึ่งหากอนุญาตจริงก็ไม่ทราบจริง ๆ ว่า คุณแม่รักลูกแบบไหนถึงให้คนอื่นนำรูปส่วนตัวของลูกไปเผยแพร่เช่นนี้ หากบังแจ็คเป็นมิจฉาชีพก็คือร่วมมือกับมิจฉาชีพ ส่วนตัวแล้ว ตั้งข้อสังเกตว่าที่ทางพรรคไทยศรีวิไลย์ร่วมมือกับคนแบบนี้อยากให้ลองชั่งน้ำหนักดูว่าควรหรือไม่ควร

ทนายเกิดผล ให้ความเห็นว่าส่วนตัวอีกว่า ตนไม่ได้เชื่อคำพูดของ 5 คน บนเรือตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วก็ยังไม่เชื่อบังแจ็คเช่นกัน จนกว่าจะเห็นหลักฐาน แต่ต่อให้มีหลักฐานอยู่ในมือบังแจ็คยังไง จะเชื่อได้อย่างไรว่า บังแจ็คไม่ได้ต่อเติม ตัดแต่งมา สิ่งที่ได้มาจากต่างประเทศ อาจเป็นหลักฐานเท็จก็ได้.