เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง ( Monkeypox)ในประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางกลับมาจากการประชุมร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ นพ.โรม บัวทอง นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกองระบาดวิทยาและกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศกรมควบคุมโรค ได้พาเดินดูมาตรการเฝ้าระวังที่สนามบิน โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มี DNA Code ที่สามารถตรวจหาเชื้อจากสารคัดหลั่งเมื่อมีผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยจะเชิญมารับการตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งตอนนี้ที่ ส่งเข้ามาตรวจเป็นผู้มาจากต่างประเทศ จากแอฟริกา ผลตรวจออกมาพบว่าเป็นเชื้ออื่น คือเริม ไม่ใช่ฝีดาษลิงแต่อย่างใด

เมื่อถามถึงการหารือกับองค์การอนามัยโลกเรื่องขอวัคซีนฝีดาษลิง นายอนุทิน กล่าวว่า ทางองค์การอนามัยโลกระบุว่า หากมีความจำเป็นจะให้การสนับสนุนตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สธ.ได้นำวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับโรคฝีดาษ โรคไข้ทรพิษที่มีการแช่แข็งไว้กว่า 40 ปี โดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ส่งไปยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเพาะเชื้อและนำมาวิเคราะห์ใช้องค์ความรู้นำมาทำเป็นยารักษาโรคเราต้องพึ่งพาตัวเองในทรัพยากรที่มีอยู่ ซึ่งหากเป็นโรคติดต่อร้ายแรงสามารถประกาศ เป็นภาวะฉุกเฉินเพื่อดูแลสถานการณ์ต่างๆ ได้

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา อภ.ได้ส่งตัวอย่างวัคซีนฝีดาษชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ที่แช่แข็งไว้กว่า 40 ปี นับตั้งแต่ประเทศไทยยกเลิกการปลูกฝีดาษเมื่อปี 2523 มาให้ตรวจสอบคุณภาพว่ายังสามารถใช้ได้หรือไม่ มีเชื้อโรค หรือสิ่งปลอมปนอยู่หรือไม่ หากสามารถใช้ได้ จะมีการนำทดสอบกับเชื้อจริงต่อไปว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่พบเชื้อหรือคนป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทยจึงไม่ได้ทำการทดสอบ ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวทราบว่ามีราวๆ 10,000 โด๊ส

“หากเราเจอคนไข้ในประเทศเมื่อไหร่ เราจะนำเชื้อปัจจุบันมาเพาะกับภูมิคุ้มกันจากเลือดของคนที่ได้รับวัคซีนเมื่อก่อนปี 2523 มาตรวจดูว่าสู้กับเชื้อได้หรือไม่ แต่วันนี้คนที่มาตรวจยังให้ผลลบ เป็นโรคอื่นอยู่ ยังไม่เจอฝีดาษลิงในไทย” นพ.ศุภกิจ กล่าว.