เมื่อวันที่ 31 พ.ค. เพจเฟซบุ๊ก “Bowvy Boom Boom” ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม “แชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว” เนื่องจากเงินในบัญชีสูญหาย 300,000 บาท โดยไม่ได้ทำรายการเอง แต่เงินถูกโอนไปยังบัญชีอื่นโดยมีชื่อผู้รับชัดเจน

โดยข้อความระบุว่า “กรณีของเรานอนๆ อยู่เงินในบช.ถูกถอนไปให้ใครก็ไม่รู้ โดยที่เราไม่ได้ทำ แจ้ง call center ก็ทำแล้ว แจ้งความก็แจ้งไปแล้ว ธนาคารบอกรอ 5 วัน ผ่านไปหนึ่งเดือน มีหนังสือปฏิเสธมาบอกว่าเราถอนเอง จากโทรศัพท์เครื่องนี้ ยี่ห้อนี้ แค่นั้น ย้ำแค่นั้นจริงๆ ไม่มีหลักฐานอื่นใดประกอบ ที่ยืนยันว่าเราเป็นคนทำ ในขณะที่เรามีเอกสาร และหลักฐานของเราที่ขอมาจากธนาคาร และจากที่เรารวบรวมมาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เป็นสิบกว่าแผ่นที่ร้องเรียนผ่าน ธปท.ไป รอบที่สาม ซึ่งวันก่อน ธปท.บอกว่า เตรียมใจไว้หน่อยนะ เตรียมหาวิธีอื่นต่อไปเพราะธนาคารน่าจะไม่ยอมรับ

จะแถไปถึงไหน ทั้งๆที่เราคิดว่ามีข้อโต้แย้งเพื่อพิสูจน์ตัวเองพอสมควร และอยากเล่าให้เพื่อนๆทราบ แล้วลองพิจารณาให้หน่อยว่า แบบนี้คือเราโอนเองเหรอ

1.เราเข้าใช้แอพพลิเคชั่นไม่ได้ แต่มีคน log in เข้าไปใช้แอปของเรา  และถอนเงินเราได้อย่างไร

2.ธนาคารรีบให้ลบแอพ ทั้งๆที่เราขอแค่ระงับการใช้เพราะยังมีเงินเหลือในบช. แต่ ธ.คะยั้นคะยอ ให้ลบเท่านั้น ทำให้เราไม่มีข้อมูลอะไรเหลือเลย (ใครอย่าหาทำนะ ต้องไม่ลบเท่านั้น)

3.ปกติในการถอนเงินทุกครั้งเราจะต้องได้รับสลิปและอีเมลแจ้ง และเราเก็บสลิปทุกครั้งที่เราโอนเงิน แต่ครั้งนี้เราไม่ได้รับสลิป และอีเมล์แจ้ง

4.เรามีชื่อ ที่อยู่ คนที่รับโอนเงินเรา ที่เราแจ้งความไว้ เห็นหน้าแล้ว เรายืนยันว่าไม่รู้จัก ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใดๆ ให้ ธ.ดำเนินการทางกฎหมายได้เลย แต่ ธ.ไม่สนใจ ไม่ติดตาม บอกแต่เพียงว่า เราโอนเอง ระบบ ธ.ไม่มีปัญหา ถามหน่อยเราจะโอนไปให้ใครก็ไม่รู้ ที่หน้าตาเหมือนโจร เพื่อ…

5.ช่วงเวลาที่โอนคือ 23.34 น. ถ้าเราโอน ต้องนั่งถ่างตารอเวลาดึกๆทำไม โอนกลางวันสะดวกกว่ามั้ย และเรามีนาฬิกาข้อมือออกกำลังกายที่ติดตัวตลอดไม่เคยถอดแม้เวลานอน ซึ่งในวันนั้นนาฬิกาไม่มีการเคลื่อนไหวเพราะ เรานอนแล้วตั้งแต่ 21.26 น.

6.เมื่อเราขอข้อมูลสำคัญๆจาก ธ. เช่น Mac address,IMEI  ที่เป็นเหมือนบัตรประชาชน ของเครื่องโทรศัพท์ แต่ ธ. ตอบว่าไม่มี ไม่ได้เก็บ ของสำคัญไม่เก็บแล้วเก็บอะไร เวลาเกิดเคสแบบนี้เอาอะไรมาพิสูจน์ให้ลูกค้าได้บ้างมั๊ย

7.เราขอ IP Addressไป ให้พิกัดมา เราเอาไปหาจากกูเกิล พิกัดอยู่ กทม. อยู่ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นคนละที่กับที่พัก ที่ทำงานเรา ซึ่งไม่สัมพันธ์และเกี่ยวข้องกันกับเราเลย

8.เอกสารที่ขอจากธนาคาร เรื่องการส่ง e-slip ที่แจ้งมาเมื่อมีการถอนเงิน คือแจ้งมาที่เบอร์เหมือนของเราเป๊ะ แต่ไม่ใช่เครือข่าย ของโทรศัพท์ที่เราใช้และเราก็ไม่ได้รับ e-slip ด้วย

ทุกข้อที่กล่าวมา เรามีเอกสารประกอบทุกแผ่น ณ วันนี้เรายังไม่รู้ชะตากรรมว่าแบงค์จะตอบว่าจะคืนเงินเราหรือไม่ หากใครมีคำแนะนำ ว่าควรจะสู้และรับมือกับแบงก์แบบนี้ต่อไปยังไงหากเขาไม่คืน แนะนำได้นะคะยินดี อยากได้ทนายเก่งๆ ที่มีความรู้ด้าน IT ด้วย เราอยู่จังหวัดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีกรณีแบบนี้ หาทนายยากมาก คงไม่มีทางสู้กับทนายของแบงก์ได้

 ป.ล.แบงก์ไหน อย่าถามเพราะเราตัดบัวไม่เหลือใย และเราไม่มีเพื่อนที่ไม่คู่คิด และเป็นมิจฉาชีพคู่บ้านแบบนี้หรอก”

ขอบคุณเพจ เพจเฟซบุ๊ก “Bowvy Boom Boom”