จากกรณี ด.ช.เอ (นามสมมุติ) ป่วยเป็นออทิสติกวัย 11 ขวบ เสียชีวิตปริศนาภายในหอพักชายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.แพร่ โดยตามร่างกายมีมีบาดแผลฟกช้ำ ซึ่งเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เจ้าหน้าที่สมาคมอาสาสมัครกู้ภัยจังหวัดแพร่ได้นำร่างของ ด.ช.เอ ส่งผ่าชันสูตรที่โรงพยาบาลแพร่ เบื้องต้นแพทย์ได้ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในร่างกายเด็ก ซึ่งผลตรวจจะออกเวลาประมาณ 19.00 น. หากไม่พบเชื้อจึงจะสามารถทำการผ่าพิสูจน์ได้

ด้าน ร.ต.ท.หญิง ธนัญญา เสมอใจ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ ได้เชิญเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนมาสอบถาม เบื้องต้นก่อนหลังจากได้ผลการชันสูตร จึงจะสามารถทำการสืบสวนสอบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตต่อไป

ด้านครอบครัว กล่าวว่า ยังทำใจไม่ได้ตั้งตัวไม่ติด เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก น้องยังแข็งแรงดี ก่อนที่ครูจะมารับไปโรงเรียนอยู่ๆ ก็มารับที่บ้านแล้วบอกให้ทำใจ จนแม่ได้เห็นสภาพร่างกายของลูกก็ยิ่งตกใจเพราะมีร่องรอยทั้งตัว ตอนนี้ทางตำรวจให้รอผลชันสูตรแล้วจึงจะปรึกษากันอีกทีว่าจะเอาอย่างไรดี

ด.ช.ออทิสติก11ขวบดับปริศนา คาหอพักในรร.เมืองแพร่…

“น้องเอ เป็นเด็กพิเศษประเภท 5 คือเด็กพูดไม่ได้ แต่จะกรี๊ดเวลาไม่พอใจ และขาอ่อนแรง ช่วงนี้ที่โรงเรียนมีเด็กติดเชื้อโควิด-19 เลยทำให้เด็กต้องแยกกันกักตัวปกติแล้วจะนอนแยกเด็กเล็กและเด็กโต จากนักเรียนทั้งหมด 250 คน ส่วนใหญ่นอนพักที่โรงเรียน มีเพียงบางส่วนที่เดินทางไปกลับ ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบถามยังไม่มีใครเห็นขณะเกิดเหตุ”

ด้านแม่น้องเอ กล่าวว่า ตนนั้นทราบเรื่องเมื่อเช้าว่าลูกเสียชีวิต โดยรถของทางโรงเรียนมารับที่บ้าน เพราะทางโรงเรียนบอกว่าโทรฯติดต่อเราไม่ได้ เลยนำรถมารับที่บ้าน สำหรับน้องเอ นั้นไปเรียนที่นี่ได้สามปีแล้ว โดยเมื่อเปิดเทอมทางโรงเรียน จะส่งรถมารับที่บ้าน น้องนั้นเป็นเด็กไม่พูดแต่ชอบกรี๊ดเสียงดังตลอดเวลา เดินไม่ค่อยแข็งแรง เมื่อเช้าได้เห็นน้องแล้วพบว่าน้องนั้นมีเลือดออกที่จมูก หมอได้เปิดเสื้อด้านหลังให้ดูเต็มไปด้วยแผลทุกครั้ง ที่กลับบ้านมานั้นมักจะมีแผล หรือรอยกัดกลับมาทุกครั้ง แต่ก็ไม่รุนแรงมาก

“ตอนนี้ติดใจการเสียชีวิตของน้อง เพราะมีเลือดออกที่จมูก เรื่องที่น้องไปโรงพยาบาลนั้น ทราบจากเพื่อนบ้านเมื่อวาน (2 มิ.ย.) เพราะเพื่อนบ้านไปโรงพยาบาลพอดี และได้พบน้องได้มาบอกว่าน้องไปโรงพยาบาลไม่สบายมีไข้ จึงทราบว่าน้องป่วย และทราบว่าน้องเสียชีวิตในช่วงเช้า แต่เมื่อคืนนี้น้องชายเค้าอยู่ๆๆ ก็เรียกชื่อพี่ชายขึ้นมาว่า กินหนม และยื่นขนมให้ ทั้งๆที่พี่ไม่อยู่บ้าน ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร” แม่น้องเอ กล่าว