เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์กรณีนายวรินทร วัตรสังข์ หรือ “แอนนา” ร้องขอใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) จากการที่มีผู้ประกาศข่าวรายหนึ่งนำคลิปวิดีโอที่บันทึกภาพแอนนาถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กว่า โดยหลักการตามกฎหมาย PDPA มุ่งคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนที่ถูกเก็บไว้ตามหน่วยงาน ร้านค้า หรือธุรกิจต่างๆ เพื่อไม่ให้นำไปใช้จนเกิดความเสียหาย

ขณะเดียวกันในมาตรา 4 (3) แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีข้อยกเว้นสำหรับวิชาชีพสื่อมวลชนว่าการเสนอข่าวต่างๆ ไม่เข้าข่ายเป็นความผิด ดังนั้นสื่อมวลชนสามารถเสนอข่าวได้อย่างอิสระ ไม่ต้องกังวลว่าจะผิดกฎหมาย PDPA แต่ต้องเป็นไปตามจริยธรรมของวิชาชีพสื่อสารมวลชน ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนจึงไม่ต้องกังวล สามารถนำเสนอข่าวได้ตามหน้าที่ ถ้าทำอย่างตรงไปตรงมาก็ไม่มีความผิดตามกฎหมาย PDPA

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวรินทร อ้างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจถ่ายภาพในพื้นที่ส่วนตัวอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตามมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ บัญญัติไว้ว่า การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีกฎหมายคุ้มครอง หรือกำกับดูแลอาทิเรื่องการสืบสวนสอบสวน และการดำเนินคดีต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีกฎหมายกำกับดูแลและให้อำนาจเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ในมาตรา 4 ยังมีข้อยกเว้นไว้สำหรับกรณีการทำงานปกติของหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งไม่เข้าข่ายตามความผิดของ พ.ร.บ.ฉบับนี้เช่นกัน เพราะหน่วยงานด้านความมั่นคงจะมีการสืบสวนสอบสวนเก็บข้อมูลของผู้ต้องหาและผู้ที่กระทำความผิด สิ่งเหล่านี้จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว

นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า ขออย่านำเรื่องการดำเนินคดีหรือเรื่องการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนไปปะปนกับเรื่องของกฎหมาย PDPA จนทำให้เกิดความสับสน กฎหมายตัวนี้คุ้มครองเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือเรื่องส่วนตัวอื่นๆ ที่เราไม่อยากเปิดเผยที่ถูกเก็บตามหน่วยงานต่างๆ ซึ่งไม่อยากให้มีการรั่วไหล ส่วนกรณีประชาชนรู้สึกว่าตัวเองถูกละเมิดสิทธินั้น สามารถร้องเรียนมาที่กระทรวงดีอีเอส.