เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่​ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 2 ชม. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. เปิดเผยว่า เบื้องต้นนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ให้การว่าเป็นไปตามข้อมูลที่เกิดขึ้น และได้ทราบถึงความจำเป็นที่นางภนิดา ต้องส่งโทรศัพท์ให้กับบังแจ็ค เนื่องจากต้องการจะรู้ความจริง โดยภายในสัปดาห์นี้บังแจ็คจะส่งโทรศัพท์กลับคืนมา ซึ่งตนคิดว่าควรจะส่งมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ข้อมูลที่อยู่ในโทรศัพท์จะอยู่ครบหรือถูกเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ต้องขอดูตัวเครื่องก่อน เพราะยังไม่มั่นใจในตัวบังแจ็ค ส่วนจะมีการซื้อขายโทรศัพท์หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบในเรื่องนี้ แต่ถ้ามีการซื้อขายก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคดี ซึ่งทางนางภนิดานั้น เมื่อได้รับโทรศัพท์คืนมา ก็จะส่งให้ทางตำรวจ บช.สอท. ทันที และในวันนี้นางภนิดา ยังได้มอบโทรศัพท์มือถือส่วนตัวให้กับตำรวจไซเบอร์ ทำการเพื่อเก็บข้อมูลไว้แล้วเช่นกัน

“ทั้งนี้ขออย่านำตนไปเกี่ยวข้องกับคดีของบุคคลบนเรือ เนื่องจากหน้าที่ของตนเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเทคโนโลยีเท่านั้น โดยประเด็นกว่า 30 ประเด็น ที่ได้สอบถามไป นางภนิดา ก็ให้การครบถ้วน ส่วนที่บังแจ็คอ้างว่าได้รับอนุญาตจากนางภนิดาให้โพสต์นั้น นางภนิดาบอกว่าให้อนุญาตแค่บางครั้ง บางครั้งก็เป็นการโพสต์เกินสิ่งที่ตกลงกันไว้ ก็ขอให้เลิกพฤติกรรมการนำข้อมูลของแตงโมไปเผยแพร่” ผบช.สอท.

ด้าน นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า สาเหตุที่นางภนิดา ยอมส่งโทรศัพท์มือถือให้บังแจ็ค เพราะอ้างว่าสามารถช่วยปลดล็อกโทรศัพท์มือถือของแตงโมได้ โดยยืนยันว่าไม่มีเรื่องเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยืนยันว่าได้หารือกับนางภนิดาแล้ว เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล พร้อมที่จะเปิดข้อมูลหลักฐานสำคัญทุกอย่าง โดยขณะนี้ทราบว่านาฬิกากับสร้อยคอของแตงโมหายไป และอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลสิ่งของที่สูญหายนี้มากกว่า ที่จะให้น้ำหนักกับพยานหลักฐานต่างๆ ที่บังแจ็คกล่าวอ้าง นอกจากนี้ ในวันที่ 9 มิ.ย. จะไปร้องเรียน แพทยสภา ให้ตรวจสอบจริยธรรม แพทย์คนหนึ่งที่ให้คำแนะนำกับพนักงานสอบสวนคดีนี้ จากนั้นจะเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดกับเอกชนรายหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องคราบเลือดที่พบบนเรือ ที่กองบังคับการปราบปราม

ผบช.สอท. ลุยสอบแม่แตงโม ลั่น ‘บังแจ็ค’ เพ้อเจ้อ ฮึ่มผิดจัดหมายแดงล่าตัว

ด้านนางภนิดา ยืนยันว่า ไม่ทราบว่าในประเทศไทย มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถกู้โทรศัพท์มือถือได้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ติดต่อกับบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้กู้โทรศัพท์มือถือแล้ว แต่ในขณะเดียวกันมีผู้สื่อข่าวสำนักข่าวหนึ่ง แนะนำให้รับโทรศัพท์ของบังแจ็ค ที่ก่อนหน้านี้พยายามติดต่อมาตลอด จนตนตัดสินใจพูดคุยกับบังแจ็ค ซึ่งอ้างว่าทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือทุกอย่าง โดยมีผู้มาสารภาพกับบังแจ็ค ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือทั้งหมดเป็นเช่นไร จึงทำให้ตัดสินใจส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็ค ส่วนการที่บังแจ็คอ้างว่าได้โอนเงิน 300,000 บาท ให้นั้น ไม่ได้เป็นการจ่ายค่าโทรศัพท์ แต่เป็นการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านเวสเทิร์นยูเนี่ยน ให้กับพยานคนหนึ่งในคดี ที่ได้มาเล่าความจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบ แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดว่าเป็นใคร ซึ่งขณะนี้บังแจ็คยืนยันว่า จะส่งโทรศัพท์คืนกลับมาให้ โดยในโทรศัพท์มือถือไม่มีภาพโป๊ หรือข้อมูลที่ไม่เหมาะสมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกว่าการส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็คจะเป็นการตัดสินใจผิดพลาด เพราะตนอยากรู้ความจริง ขณะนั้นรู้สึกจนปัญญาแล้ว

ขณะที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ ซึ่งเดินทางตามมาหลังการสอบปากคำนางภนิดาแล้วเสร็จ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาให้กำลังใจนางภนิดาและนายอัจฉริยะ รวมทั้งพูดคุยสอบถามในรายละเอียดของเอกสารราชการ และเอกสารทางธุรกรรมต่างๆ ที่เป็นหลักฐานเตรียมไว้ฟ้องตรงในคดีฆาตกรรม โดยจะยื่นฟ้องศาลภายในวันที่ 23 มิ.ย. นี้ โดยขณะนี้ตนเองยังมีกำลังใจยังดีอยู่ แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมถึงมีความพยายามจะสกัดกระบวนการพิสูจน์ความจริง เหมือนกลัวว่ากระบวนการยุติธรรมจะเป็นไปในแนวทางที่ดีขึ้น ส่วนบังแจ็ค ถือเป็นคนที่นางภนิดาไว้ใจ ก็ต้องรักษาน้ำใจกัน แม้ว่าอัจฉริยะจะไม่ให้ราคาก็ตาม ซึ่งการรักษาน้ำใจเป็นยุทธวิธี เพื่อให้บังแจ็คส่งโทรศัพท์มือถือของแตงโมคืนมา