เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่ สน.ดินแดง น.ส.ศศิมา เทียมตรี หรือ คุณตาล อายุ 28 ปี พร้อมด้วย น.ส.พิรุณรุ้ง พยัคฆ์กุล หรือ โฟน อายุ 30 ปี พลเมืองดีเจ้าของคลิป และบุคคลที่ปรากฏในคลิป คู่รักทำร้ายร่างกาย ภายในคอนโดฯ ย่านอโศก-พระราม 9 พร้อมด้วย นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง และนายกฤษฎา โลหิตดี หรือ ทนาย โนบิ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อให้ปากคำ หลังถูกนายเคนลี อธิคุณ อายุ 26 ปี ลงบันทึกประจำวัน ว่า ถูกพลเมืองดีทำร้ายร่างกาย และต้องการให้พลเมืองดีลบคลิปที่มีการเผยแพร่ ขณะมีปากเสียงกับแฟนสาวเมื่อกลางดึกคืนวานนี้ (8 มิ.ย.) ที่ผ่านมา

ซึ่งมีรายงานว่าพนักงานสอบสวนให้เข้ามาพบ และได้ประสานกับคู่กรณีให้เข้ามาพบด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง ปรากฏว่า นายเคนลี่และแฟนสาวไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง

โดย น.ส.พิรุณรุ้ง ผู้ถ่ายคลิปวันเกิดเหตุเล่าเหตุการณ์ให้สื่อมวลชนฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นรุ่งเช้าวันที่ 8 มิ.ย. ขณะที่ตัวเองอยู่บนห้องมองลงมาเห็นผู้หญิงกำลังถูกทำร้ายร่างกาย สภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย เมื่อเห็นเป็นผู้หญิงด้วยกันจึงรีบลงมาข้างล่างเพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่พอลงมาเหตุการณ์เริ่มสงบแล้ว แต่ฝ่ายชายไม่พอใจ จึงด่าทอยั่วยุกัน ยอมรับว่าจุดประสงค์ที่ลงไปเพราะต้องการให้ความช่วยเหลือไม่ได้อยากมีปัญหา ส่วนกระแสตีกลับที่ถูกมองว่าตัวเองไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย ตัวเองเข้าใจและยอมรับ ยืนยันว่าเพียงแต่ต้องการช่วยเหลือผู้หญิงด้วยกันเท่านั้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากย้อนเวลากลับไปได้จะช่วยเหลือผู้หญิงคนนี้หรือไม่ น.ส.พิรุณรุ้ง ยืนยันว่า จะช่วยเหลือเหมือนเดิม หากคู่กรณีเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อทำการไกล่เกลี่ย ตัวเองก็พร้อมจะพูดคุยไกล่เกลี่ยและลบคลิปให้ หลังจากนี้ให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย เบื้องต้นทราบว่าฝั่งของคู่กรณีจะเอาผิดตัวเองในฐานกระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เนื่องจากถ่ายคลิปโดยไม่ได้รับการยินยอมและไปโพสต์ลงสื่อโซเชียลมีเดีย

ด้าน น.ส.ศศิมา บอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 8 มิถุนายน แต่เธอเพิ่งนำคลิปนี้มาโพสต์ เวลานั้นเธอและเพื่อนกำลังนั่งเล่นอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนดังลั่นถึง 5 นาที จึงเดินออกมาดูริมระเบียง เห็นผู้หญิงกำลังถูกผู้ชายทำร้าย เธอจึงเรียก รปภ. ไปช่วย พอเธอลงไปถึงผู้ชายคนดังกล่าวยังทำร้ายผู้หญิงอยู่ เธอจึงเกิดความสงสาร และพยายามจะเข้าไปห้ามปราม จังหวะที่กำลังชุลมุนด้วยแรงของผู้ชาย ทำให้เธอเกิดรอยฟกช้ำที่ผิวหนังบริเวณแขนด้านขวา แม้หลายคนจะมองว่าเป็นเรื่องของสามีภรรยา และเธอก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่ แต่เธอยืนยันว่าสิ่งที่ทำลงไปเพราะเจตนาดีและมีความเป็นห่วงผู้หญิงจริงๆ ต่อมาช่วงที่ตำรวจเข้ามาห้ามปราม สามีภรรยาอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งหนีขึ้นห้องไป 

ด้านทนายโนบิ กล่าวว่า ตนในฐานะคนกลาง มาเพื่อช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องในทางคดีส่วนคดีความจะเป็นอย่างไรขอให้เป็นเรื่องทางคดี ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอให้ดูเจตนาของผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือด้วย เพราะหากเกิดเห็นคนตกอยู่ในอันตรายแล้วไม่เข้าไปช่วยอาจก่อให้เกิดความผิดตามมา ส่วนประเด็นที่ น.ส.ศศิมา ไปทำร้ายร่างกายของอีกฝ่าย ต้องดูเจตนาและสาเหตุว่า มีการยั่วยุจนเป็นความสมัครใจทะเลาะวิวาทหรือไม่ โดยในวันนี้ได้มีการติดต่อไปทางฝั่งของคู่กรณีเพื่อขอพูดคุยแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป หลังจากนี้พร้อมที่จะไกล่เกลี่ยหาข้อสรุป หากคู่กรณียืนยันที่จะดำเนินคดี ตนและทีมทนายพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ