แน่นอนว่าสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ สิทธิต่าง ๆ เหล่านี้ยังเป็นเรื่องที่อาจทราบไม่ครอบคลุม เพราะส่วนใหญ่จะรู้ในสิทธิพื้นฐาน ว่า สามารถลาคลอด เลี้ยงดูลูกน้อย 3 เดือน และได้รับค่าคลอดบุตร 15000 บาท แต่ในความเป็นจริงแล้ว รายละเอียดของสิทธิคลอดบุตร ยังมีอีกหลายส่วน ที่ประกันสังคมมอบให้แก่คุณแม่หลังคลอด เพื่อเป็นการเริ่มต้นสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดกันเลยทีเดียว

ทั้งนี้ เมื่อตั้งครรภ์จะสามารถใช้สิทธิเบิกค่ารักษาได้ โดยแบ่งเป็น 5 รายการ คือ
เบิกค่าฝากครรภ์: วงเงินรวม 1,500 บาท
เบิกค่าคลอดบุตร: เหมาจ่ายวงเงิน 15,000 บาท ต่อครั้ง
เบิกเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร: เบิกได้ 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย (เป็นเวลา 90 วัน เบิกได้ไม่เกิน 2 ครั้ง)
เบิกค่าชดเชย กรณีแท้งบุตร: ต้องอายุครรภ์ไม่น้อยกว่า 28 สัปดาห์
เบิกเงินสงเคราะห์เพื่อเลี้ยงดูบุตร: เบิกได้ 800 บาท ต่อเดือน (ตั้งแต่เกิดจนถึง 6 ปี)

คุณแม่มือใหม่ที่ได้ใช้สิทธิประกันสังคม นางสาวพัดชา ภาดาพันธ์ ได้ให้ข้อมูลถึงการรับสิทธิประโยชน์จากการคลอดบุตร ว่า อดีตเคยคิดว่าการเบิกจ่ายประกันสังคมกระบวนการยื่นรับสิทธิคงเป็นเรื่องยุ่งยาก และการฝากครรภ์ด้วยสิทธิประกันสังคม อาจได้รับการดูแลที่ไม่ดีเท่าที่ควร แต่เมื่อได้กลายเป็นคุณแม่จริงๆแล้ว ทำให้ได้รู้ว่า สิทธิประกันสังคมมีประโยชน์กับการเริ่มต้นครอบครัวอย่างมาก ตั้งแต่การฝากครรภ์ ค่าคลอด และเงินสงเคราะห์การหยุดงาน ไปจนถึงเงินค่าเลี้ยงดูบุตร ซึ่งเงินจากสิทธิคลอดบุตร เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆในการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกระบวนการยื่นเอกสารค่ารักษา ก็เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว เพียงแค่คุณแม่เตรียมเอกสารให้พร้อม อาทิ ใบเสร็จฝากครรภ์ที่แนบคู่กับใบรับรองแพทย์ที่ระบุอายุครรภ์ สูจิบัตรบุตร สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสมุดธนาคาร ไปยื่นที่สำนักงานประกันสังคมใกล้บ้าน จากนั้นไม่นาน เงินก็จะโอนเข้าบัญชี นับว่าสะดวก รวดเร็ว และเป็นเงินที่สามารถเข้ามาช่วยในครอบครัวได้

ทั้งนี้ รายละเอียดของการฝากครรภ์ เป็นไปตามข้อกำหนด ดังนี้
อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 500 บาท
มากกว่า12 – 20 สัปดาห์ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 300 บาท
มากกว่า 20 – 28 สัปดาห์ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 300 บาท
มากกว่า 28 – 32 สัปดาห์ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 200 บาท
มากกว่า 32 – 40 สัปดาห์ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 200 บาท
หากมีข้อสงสัย สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนประกันสังคม 1506 ตลอด 24 ชม. หรือ www.sso.go.th