เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานในที่ประชุมศบค.มีการเสนอยกระระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จากเดิม 13 จังหวัดปรับเพิ่มเป็น 29 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก ครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง

ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง)จากเดิม 53 จังหวัด ปรับลดลงเป็น 37 จังหวัด ประกอบด้วย  กาพสินธุ์กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครศรีธรรมราช นครสวรรค์จังหวัดบุรีรัมย์  พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม ยโสธร ระนอง ร้อยเอ็ด ลำปาง จังลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูลสระแก้ว สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ 

ขณะที่พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 10 จังหวัด ปรับเพิ่มเป็น 12 จังหวัด  พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จากเดิม 1 จังหวัดเป็นศูนย์ และพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) คงเดิมคือศูนย์จังหวัด

สำหรับมาตรการป้องกันการควบคุมโรคโควิด-19 ตามระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรนั้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จะเพิ่มมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น  งดให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด  และตั้งด้านสกัดระหว่างเขตจังหวัด เพื่อเป็นการจำกัดการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 5 คน ส่วนศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้า หรือสถานประกอบการอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกัน เปิดบริการได้เฉพาะร้านอาหาร เครื่องดื่มให้บริการผ่านระบบเดลิเวอรี่ และร้านยา เวชภัณฑ์เปิดได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬายังปิดให้บริการทั้งหมด ขณะที่สถานศึกษาทุกระดับ และสถาบันกวดวิชา ห้ามใช้อาหารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) และพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) ยังคงมาตรการเดิม ทั้งนี้ เบื้องต้นจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 -31 ส.ค.นี้

สำหรับในสถานประกอบกิจการ ประเภทโรงงาน แคมป์แรงงานบริษัท ฯลฯ จะต้องควบคุมในรูปแบบ การป้องกันควบคุมโรคเฉพาะพื้นที่ หรือ Bubble and Seal ส่วนแคมป์ก่อสร้างเขตพื้นที่กทม. และปริมณฑลให้ดำเนินกิจการได้ภายใต้มาตรการ Bubble and Seal หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปิดการดำเนินการ ทั้งนี้ การยกระดับและผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวจะมีประเมินใน 2 สัปดาห์หลังออกประกาศ.