เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. บอย โกสิยพงษ์ (ชีวิน โกสิยพงษ์) นักร้อง-นักแต่งเพลงชื่อดัง วัย 54 ปี ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก Boyd Kosiyabong โดยระบุว่า เมื่อพฤหัสที่ผ่านมา ผมเข้าไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาล เนื่องจากรู้สึกเจ็บหน้าอกแบบจุกๆ มาสักอาทิตย์นึงแล้ว แต่ไม่ได้มากมายอะไร ตอนไปพบก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอโรคร้ายแรงอะไรเลย

พอบอกอาการคุณหมอ คุณหมอก็วินิฉัยว่าอาจจะมีเส้นเลือดตีบจึง ให้ไปฉีดสีเพื่อทำเอกซเรย์ คอมพิวเตอร์ ซึ่งพูดตามตรง ผมก็ยังคิดเหมือนเดิมว่าไม่น่าจะมีอะไรหรอก เพราะที่ผ่านมา ผมได้ออกกำลังกายทำสวน และทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมไปถึงทำแทบทุกอย่างที่ควรจะทำ ซึ่งผลการตรวจเลือดทุกอย่างของผมดีมาก ถึงขนาดที่ว่าคุณหมอประจำ ชมว่าน่าอิจฉาผลเลือดนี้จัง

หลังทำเอ็กซ์เรย์ เสร็จผมก็เดินกลับบ้านไปรอผลอย่างชิลล์ๆ เพราะมั่นใจมากว่าไม่มีอะไรแน่นอน ยังนึกในใจว่าไม่น่าบอกภรรยาและลูกว่าเจ็บหน้าอกเลย จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาตรวจ

ตอนเดินกลับมาที่โรงพยาบาลปรากฏว่ามีอาการจุกๆ เล็กน้อย พอไปถึงก็พบกับคุณหมอที่ฉีดสีเอ็กซ์เรย์ให้ และแกก็ถามว่า ได้พบคุณหมอเจ้าของไข้แล้วใช่ไหม ทราบผลหรือยัง ผมตอบว่ายังครับ แต่ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว
เพราะผลเลือดผมดีสม่ำเสมอมาก คุณหมอบอกว่าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ2เส้นนะครับเส้นหนึ่งเป็นเส้นหลัก อีกเส้นนึงเป็นเส้นแขนง ผมซึ่งยังมีความมั่นใจมากอยู่ก็บอกแกว่า คงไม่ตีบมากใช่ไหมฮะคุณหมอ? แต่คำตอบที่ผมได้รับคือตรงกันข้าม คุณหมอบอกตีบไปประมาณ 75% จะให้ชัวร์ต้องใส่สายเข้าไปฉีดสีดู

พอผมไปพบคุณหมอหัวใจเจ้าของไข้ ผมก็ยังไม่มีความรู้สึกว่าน่ากลัวแต่อย่างไรเหมือนเดิม

“ผมถามแกว่าเดี๋ยวเดือนกันยาพอผมกลับมาจากทำธุระที่ต่างประเทศแล้วค่อยมาทำยังทันใช่ไหม แกตอบว่าไม่น่ารอนานขนาดนั้นนะ เดี๋ยวแกส่งข้อมูลให้อาจารย์ที่ผ่าตัดดูอีกที เผื่อว่าจะมาปรึกษาวันอาทิตย์แล้วทำให้เสร็จภายในอาทิตย์หน้าเลย”

“ปรากฏว่าหลังจากที่แกส่งรายงานให้อาจารย์หมอแล้ว แกบอกว่ารอพบอาจารย์หมอได้ไหมเดี๋ยวอาจารย์รีบเข้ามาเลย ผมบอกว่าได้ครับ แบบเหงื่อซึมนิดๆ พออาจารย์หมอมาถึงแกบอกว่าจัดการคืนนี้เลยเถอะ!!! ไม่ต้องรอแล้วปรากฏว่าคืนนั้นผมเลยต้องทำการสวนเส้นเลือดหัวใจเพื่อทำบอลลูน เพราะเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจนั้นตีบไป 80% แล้ว คุณหมอบอกว่า หากระหว่างนี้มีอะไรไปอุดนี่อันตรายมากๆ เลย”

“ผมพยายามต่อรองหลายอย่างมากเพราะไม่อยากทำ เนื่องจากยังไม่ได้เตรียมพร้อมและยังมีนัดประชุมเรื่องงานคอนเสิร์ทปลายปีอีก แต่อาจารย์หมอพูดแบบถอนหายใจว่า เมื่อท่านเตือนมาให้ทำแล้วก็ทำเถิดครับ ผมเลยตอบรับคำอย่างว่าง่ายที่สุด เพราะผมคิดว่าคำว่าท่านนี่น่าจะเป็นคำเตือนจากพระเจ้าแน่ๆ

“ตอนทำเสร็จผมได้มีโอกาสเห็นเส้นเลือดที่ตีบของผมด้วยครับ มันเหลือความไม่ตีบอยู่น้อยเหมือนกัน ในใจคิดว่าเกิดมันไปตีบหรือมีอะไรไปอุดตอนอยู่ต่างประเทศนี่คงยุ่งแน่ๆเลย ขอบคุณพระเจ้าและคุณหมอทุกท่านและทีมพยาบาลทุกท่านที่ดูแลผมอย่างดีมากๆนะครับ”

“ที่เขียนมาอย่างยืดยาววันนี้ก็อยากจะบันทึกไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าประมาทกับเรื่องสุขภาพนะครับ บางทีเรานึกว่ามันไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก แต่ถ้ามีอะไรเตือนหรือร่างกายพยายามจะบอกอะไรเรา ฟังเขาบ้างก็ดีนะครับ”

ขอบคุณเฟซบุ๊ก Boyd Kosiyabong