กรณีตำรวจเขตภู่เฉิง นครนิวไทเป ประเทศไต้หวัน พบศพนายประเสริฐ หรือเฮียมาร์ค เจ้าของธุรกิจข้าวกล่องส่งแรงงานไทยในโรงงานเถาหยวน สามี และ น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ อายุ 35 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ภรรยาที่กำลังตั้งท้องลูกแฝด ถูกฆ่าโหดยัดศพไว้ท้ายรถเอสยูวี BMW X4 สภาพเริ่มเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็น จอดอยู่บริเวณลานจอดรถสถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยจากการสืบสวนของตำรวจทราบว่าคนร้ายคือนายสันติ (สงวนนามสกุล) เป็นชาว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ก่อเหตุ หลังทั้งสามคนนัดเจรจาปัญหาธุรกิจกันวันที่ 8 มิ.ย. แล้วหายตัวไป และข้อมูลล่าสุดทราบว่า นายสันติ หลบหนีกลับเมืองไทยมาแล้ว ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ฆ่าโหด “ผัว-เมีย”ชาวไทยในไต้หวัน ตาย4ศพรวมลูกแฝดในท้องซุกรถหรู

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายยิ่งยศ แซ่หลี่ อายุ 38 ปี พี่ชาย น.ส.พจนีย์ เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจภูธรภาค 5 โดยมี พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 นำทีมกฎหมาย และทีมสอบสวน ร่วมเข้ารับเรื่องร้องเรียน โดยนายยิ่งยศ เปิดเผยว่า อยากให้ตำรวจติดตามตัวนายสันติ คนร้ายที่ฆ่าน้องสาวและน้องเขย พร้อมลูกแฝดในท้อง หลังมีชาวบ้านแจ้งว่าหลบหนีกลับมาเมืองไทยและมีคนพบเห็นอยู่ที่บ้านเกิด บ้านใหม่หนองบัว จ.เชียงใหม่ จึงอยากให้เร่งตามตัวคนร้าย เพราะอำมหิตผิดมนุษย์ แล้วยังมาลอยนวลในพื้นที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นายยิ่งยศ เปิดเผยอีกว่า สำหรับน้องสาว และนายสันติ สนิทกันมาก เพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ก่อนที่น้องสาวจะสอบชิงทุนเรียนที่ไต้หวันตั้งแต่อายุ 16-17 ปี มีครอบครัวจนได้สัญชาติไต้หวัน ส่วนนายสันติ เพิ่งไปไต้หวันเมื่อ 2 ปี อีกทั้งยังไปกักตัวที่บ้านน้องสาวตนกระทั่งได้งานทำ ซึ่งทั้งสองสนิทกันมากถึงขั้นรู้รหัสประตูบ้านน้องสาวตนและให้ยืมสร้อยทองใส่ จนมาร่วมทำธุรกิจร่วมกัน ก่อนเกิดเหตุ น้องสาวโทรศัพท์มาปรึกษาหลังถูกแรงงานไทยคนหนึ่ง ขโมยเงิน 8 แสนบาท พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 15 บาท ไป เชื่อว่าสาเหตุที่นายสันติ ก่อเหตุครั้งนี้มาจากเรื่องเงินแน่นอน ทำให้คนในครอบครัวตกใจมาก ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแบบนี้ อีกทั้งคนที่ลงมือเป็นคนสนิทกันมาก เป็นญาติห่างๆ กันด้วย ไม่คิดว่าจะมีจิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้ได้ ส่วนศพของน้องคงจะทำพิธีที่ไต้หวันเลย วันที่ 16 มิ.ย. นี้ ก่อนนำอัฐิกลับมาทำบุญที่บ้านตามประเพณีอีกครั้ง

พล.ต.ต.วีรชน เปิดเผยว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์ได้ให้ทีมกฎหมาย ประสานงานหน่วยงานต่างๆ พร้อมประสานไปยังตำรวจไต้หวัน เพื่อรับทราบข้อมูลต่างๆ ทราบว่า ตัวคนร้ายที่หนีกลับมาประเทศไทยแล้วนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ต้องดูเรื่องสนธิสัญญาเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งทางตำรวจไต้หวันเอง ยังไม่มีการประสานเรื่องมาให้กับตำรวจไทย แต่เราก็จะเตรียมการทั้งหมดไว้ก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ทางชุด กก.4 บก.ป. ได้จัดชุดลงพื้นที่บ้านหนองบัว และพบข้อมูลว่า นายสันติ นั้นยังถือสัญชาติเมียนมา ไทย รวมถึงไต้หวัน หลังก่อเหตุได้กลับมาอยู่ที่บ้าน จากนั้นพอเป็นข่าว คาดว่าได้หลบหนีออกไปประเทศเมียนมาแล้ว